ประกันสุนัข-แมวธุรกิจมาแรงคนไม่อยากมีลูก และเหตุผลที่ต้องทำประกันสัตว์เลี้ยง

สำหรับคนยุคปัจจุบันมีแนวโน้มแต่งงานลดลง และนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นลูกหรือเพื่อนมากขึ้น เพื่อคลายเหงา ทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงโตอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือประกันเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ที่มาช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนความเสี่ยงซึ่งจะเกิดกับสัตว์เลี้ยงของคุณได้ เรามาดูเหตุผลกันดีกว่าว่าทำไมถึงต้องทำประกันให้สัตว์เลี้ยงด้วย

ความเสี่ยงสูง

ต้องเข้าใจก่อนว่าการหาหมอรักษาโรคเกี่ยวกับสุนัขและแมวไม่ได้หาง่ายเหมือนกับรักษาคน เพราะบางชุมชนมีสถานพยาบาลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแค่ 1 แห่ง และโรงพยาบาลของรัฐก็ไม่ได้มีคนรักษาสัตว์เลี้ยงของเราแบบเฉพาะทางด้วย ทำให้เมื่อสุนัขและแมวที่เรารักเจ็บไข้ได้ป่วยต้องหาคลินิกรักษาสัตว์เท่านั้น และค่ารักษาไม่ใช่น้อยเมื่อเทียบกับคนที่มีสิทธิประกันสังคม สิทธิบัตรทอง อีกทั้งโรคเกี่ยวกับสัตว์

เกิดขึ้นง่าย เมื่อเราให้อาหารอันไม่ถูกลักษณะของร่างกายสุนัขและแมว โดยเฉพาะบางคนเข้าใจว่าสุนัขต้องกินกระดูก ที่จริงแล้วสุนัขเลือกรับประทานกระดูกดิบเท่านั้น ถ้าเกิดทานไก่ทอดซึ่งมีกระดูกส่วนแข็งอยู่ เมื่อทานเข้าไปเศษกระดูกจะไปทิ่มแทงกระเพาะอาหาร ที่เห็นว่าสุนัขชอบแทะกระดูกเนื่องจากช่วยฝึกความแข็งแรงของกรามและฟัน ส่วนแมวก็ไม่ควรให้น้ำนมเป็นอาหารแบบที่ในการ์ตูนทำกัน เพราะร่างกายของแมวไม่สามารถย่อยสารอาหารในนมได้

คุ้มครองชีวิตของบุคคลภายนอก

สุนัขและแมววิวัฒนาการมาหลายพันปีก่อนที่จะมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้แบบปัจจุบัน ในอดีตสุนัขเป็นเพื่อนรู้ใจของมนุษย์มานานมีความสัมพันธ์แบบต้องพึ่งพากัน กล่าวคือ สุนัขจะเป็นผู้ช่วยของมนุษย์สำหรับการหาอาหารในป่า และแมวเป็นที่นิยมของมนุษย์สำหรับการล่าหนูเพื่อป้องกันความเสียที่จะเกิดขึ้นกับอาหารแห้งทั้งหลาย ดังนั้นด้วยสัญชาตญาณแบบเดิมที่มีความดุร้ายอยู่ในตัว เจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงควรทำประกันสัตว์เลี้ยงเพื่อคุ้มครองความเสียหายแก่ชีวิต และร่างกายของบุคคลภายนอกที่เข้ามาในบริเวณเคหสถาน เราพบเห็นได้บ่อยว่าเจ้าของบางคนเลี้ยงสัตว์ไม่เป็น เช่น สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ที่ต้องการพื้นที่สำหรับการเลี้ยงบริเวณกว้าง แต่เจ้าของเลี้ยงในคอนโดเป็นพื้นที่คับแคบ สุนัขจะเกิดความเครียด และทำร้ายร่างกายของบุคคลในบริเวณใกล้เคียงได้

ช่วยติดตามสัตว์เลี้ยงหาย

ประกันสัตว์เลี้ยงบางบริษัทช่วยออกค่าใช้จ่ายในส่วนของการโฆษณาและโปสเตอร์ เมื่อน้องหมาน้องแมวของเราหนีออกจากบ้าน เนื่องจากสภาพแวดล้อมมีเสียงดังทำให้สัตว์เลี้ยงตกใจ เช่น เสียงเครื่องจักรกำลังก่อสร้าง เสียงฟ้าผ่า และเสียงประทัดในช่วงตรุษจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หากเจ้าของแสดงอาการกลัวและไม่ได้ฝึกให้รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยวิธีที่เจ้าของฝึกให้สัตว์เลี้ยงไม่กลัว คือ อย่าไปกอดหรือปลอบไม่ให้กลัว แต่ควรทำเหมือนเป็นเรื่องปกติชิวๆ เมื่อฝึกด้วยวิธีนี้ตั้งแต่เด็ก จะช่วยลดอาการกลัวได้

การทำประกันสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้สำหรับครอบครัวที่รักสุนัข-แมวเหมือนลูก ดังนั้นเจ้าของจึงควรมอบสวัสดิการให้แก่สัตว์กลุ่มนี้ ด้วยการให้สวัสดิการเหมือนกับมนุษย์

เลี้ยงสุนัขและแมว ต้องรู้กฎหมาย หากสัตว์เลี้ยงทำผิด

ปัญหาการเลี้ยง สุนัข แมว ในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านและเป็นข่าวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือ ส่งเสียงดัง, ขับถ่ายของเสียไม่เป็นที่และส่งกลิ่นเหม็น จากปัญหาเล็ก ๆ อาจลุกลามบานปลายหากไม่ได้รับการแก้ไขที่ดี ซึ่งนอกจากจะมีพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์เลี้ยงออกมาแล้ว แต่อย่าลืมว่ายังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่สามารถเอาผิดเจ้าของหรือผู้เลี้ยงได้หากสุนัขและแมวกระทำความผิด ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้น ๆ ก็ได้

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 377 ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2558]

อยากเลี้ยง สุนัข และ แมวต้องทำอย่างไร

สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ศึกษา หาข้อมูลเกี่ยวกับ สุนัข แมว ที่จะเลี้ยงเสียก่อนว่าสายพันธุ์ที่จะเลี้ยงนั้นต้องการพื้นที่ ที่ให้เค้าวิ่งเล่นหรือไม่ เห่าเก่งแค่ไหนและที่สำคัญคุณมีเวลามากพอที่จะฝึกให้ สุนัข แมว ปลดทุกข์ทั้งหนักและเบาในสถานที่หรือภาชนะที่จัดเตรียมได้หรือไม่ จากนั้นคุณเองจะจัดการกับสิ่งปฏิกูลของสุนัขแล้วแมวอย่างไร เพราะหลายต่อหลายข่าวที่เป็นคดี ส่วนใหญ่จะมาจากการจัดการสิ่งปฏิกูลของสัตว์เลี้ยงไม่ได้ ทำให้เกิดการทะเลาะและเข้าใจผิดกับเพื่อนบ้านตลอดเวลา ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงนอกจากจะดูแลสัตว์และฝึกฝนให้ดี ต้องเอาใจใส่เพื่อนบ้านด้วย โดยเฉพาะการแจ้งเตือนจากเพื่อนบ้าน เพราะไม่อย่างนั้น คนที่จะมีปัญหาจะเป็นคุณเอง นอกจากนี้การพาสุนัขแล้วแมวออกไปเดินเล่นทุกครั้ง ควรมีสายลากจูง เพราะไม่อย่างนั้นหากเกิดเหตุร้ายจะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้นมีคนที่เป็นทาสหมาทาสแมวรวมกลุ่มกันจำนวนมากในเฟซบุ๊ก เนื่องจากทั้งสุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก มีหลายพันธุ์ให้เลือก และส่วนใหญ่ก็ชอบคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดคน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน เรามาดูกันว่าจะมีข้อดีอะไรบ้าง

1. ถูกใจคนทั้งบ้าน

หากในบ้านของเรามีทั้งคนที่ชอบเลี้ยงหมาและแมว ก็สามารถเลี้ยงทั้งสองชนิดได้ เพียงแต่ต้องเลือกสายพันธุ์และเลี้ยงคู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์หรือโกลเด้นที่มีความคิดเล่น ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เป็นสุนัขจอมซน หรือสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิวาวา ปอมปอม ฯลฯ ส่วนแมวก็ควรจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซีย สก๊อตติช ฯลฯ เพื่อลดโอกาสในการกัดกัน เพียงเท่านี้ในบ้านคุณ ก็จะมีสัตว์เลี้ยงที่ถูกใจทุกคนแล้ว

2. ทำให้เรียนรู้ธรรมชาติ

การเรียนรู้ด้านความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากคนเราที่มีอุปนิสัยต่างกันแล้ว การที่เราเลี้ยงดูสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน จะทำให้เราเห็นถึงธรรมชาติของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ด้วย ว่ามีอุปนิสัยตามสายพันธุ์ต่างกันอย่างไร จะทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นคนช่างสังเกตและประนีประนอมมากขึ้นด้วย หากในบ้านคุณมีเด็กเล็ก เขาจะซึมซับการเรียนรู้อุปนิสัยของสัตว์แต่ละชนิด ทำให้มีส่วนเสริมให้เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์สูงได้ด้วย

3. ทำคลิปสร้างรายได้เสียเลย

หากสุนัขและแมวไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยกัน ก็มักจะกัดกัน การเลี้ยงคู่กันจึงดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ คนจำนวนมากจึงอยากรู้ว่าสุนัขและแมวนั้นอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หากคุณสามารถเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ร่วมกันได้และจัดสรรพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถที่จะอัดคลิปลง YouTube ให้คนเห็นแง่มุมความน่ารักของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้จริง ๆ มีความน่ารักน่าเอ็นดูตามธรรมชาติ จะนำมาซึ่งรายได้จากผู้ติดตามหรือการฝากโฆษณาสินค้า เช่น อาหาร เสื้อผ้าสำหรับสุนัขและแมวได้อีกด้วย

4. ทำให้ได้ความรู้ทางสัตววิทยาเพิ่มขึ้น

เมื่อสุนัขและแมวเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมา เช่น ยาชนิดใดใช้ได้กับสุนัขหรือแมวบ้าง ต้องฉีดวัคซีนที่อายุเท่าใดบ้าง หรือ แม้แต่เรื่องธรรมดา เช่นอาหารใดเหมาะกับสุนัขและแมว ฯลฯ เหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องการผู้รู้มาตอบในกลุ่มเฟซบุ๊กมากมาย หากคุณเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 ประเภทนี้ ก็เท่ากับเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ด้านโรค ยาและโภชนาการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิด และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับคนรักหมาแมวด้วย ถือเป็นวิทยาทานกับผู้อื่นได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสุนัขและแมวร่วมกันนั้น แม้อาจจะดูน่าปวดหัว ยุ่งยาก แต่หากเริ่มต้นด้วยความชอบหรือความสงสารสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง นำมาเลี้ยงด้วยความรักและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติม คุณจะได้โอกาสในการพัฒนาตัวเองและสร้างประโยชน์ในวงกว้างต่อไปด้วย

ข้อควรระวัง ดูแลสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงช่วงอากาศหนาวเย็น

ข้อควรระวัง ดูแลสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงช่วงอากาศหนาวเย็น

ช่วงฤดูหนาวในหลายท้องถิ่นอากาศหนาวเย็นเข้ากระดูกจริง ๆ ถึงเวลารื้อค้นเสื้อกันหนาวและผ้าห่มอุ่น ๆ สำหรับสมาชิกครอบครัว แม้แต่ตัวสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงขนปุยอื่น ๆ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเผชิญกับความเย็นเช่นเดียวกัน

สัตว์เลี้ยงหลายสายพันธุ์มีขนค่อนข้างหนาดูเหมือนความปุกปุยจะช่วยปกป้องตัวจากความหนาวเย็นได้ดี แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น แม้เพียงลมหนาวพัดโชยมาหรือวันฝนตกอุณหภูมิต่ำกว่าปกติก็หนาวตัวสั่นแล้ว จำเป็นต้องพิจารณาทั้งขนาดตัวและลักษณะความยาวของขนด้วย เจ้าของควรสังเกตว่าอากาศหนาวเย็นส่งผลต่อสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ อย่างไร

สิ่งที่เห็นบ่อยคือผิวหนังมีลักษณะแห้งและคันในช่วงฤดูหนาวเช่นเดียวกับคนเรา สุนัขขนยาวที่เคยอาบน้ำบ่อยควรเลี่ยงการอาบน้ำในฤดูหนาวให้น้อยที่สุด อาจใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดขนแทนและใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อบำรุงเส้นขนให้ชุ่มชื้น นุ่มสลวย รักษาผิวหนังอักเสบ ลดรังแค และลดอาการคัน หรือให้กินปลาทะเลเพิ่มกรดไขมันประเภทโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงเส้นขนได้เช่นกัน

สำหรับคนที่เลี้ยงแมวหรือสุนัขไว้นอกตัวบ้านกังวลว่าสัตว์เลี้ยงจะหนาวสั่นอยู่ข้างนอก การสวมเสื้อผ้ากันหนาวเป็นทางเลือกที่ดี มองหาในร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงใกล้บ้านว่ามีชุดเสื้อกันหนาวเหมาะกับขนาดตัวสัตว์เลี้ยงหรือไม่ การสวมเสื้อกันหนาวในครั้งแรกรับรองได้ว่าต้องเจอปฏิกิริยาขัดขืนรุนแรงแม้จะฝึกกันมาดีแล้วหรือหนาวจนตัวสั่นก็ยังไม่ยอมสวมเสื้อง่าย ๆ ก่อนอื่นควรหยิบเสื้อมาให้ดูและดมจนคุ้นเคยกับกลิ่นแล้วฝึกวางบนตัว 2-3 นาทีวันละหลายครั้งแต่ยังไม่ต้องบังคับสวม รอให้ผ่านไปสองวันแล้วค่อยตะล่อมให้เริ่มรู้สึกสบายใจ จากนั้นรีบสวมจากด้านบนศีรษะอย่าให้มองเห็นต่อหน้าทำให้สวมง่ายขึ้น

แนะนำให้ฝึกสวมเสื้อกันหนาวตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เลือกเสื้อผ้าที่สวมง่าย ไม่รัดหรือหลวมเกินไป เริ่มจากเสื้อคลุมที่เปิดหน้าท้องโล่งทำให้เกิดสะดวกไม่สะดุด ลองสวมประมาณ 1 นาทีระหว่างนั้นให้ชมเชยและให้รางวัล จากนั้นถอดเสื้อผ้าออก ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ สัตว์เลี้ยงจะเกิดความคุ้นเคยเอง

หากต้องเดินทางไปไหนต่อไหนและนำสัตว์เลี้ยงติดตัวไปด้วย ควรทราบว่าในพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็นอุณหภูมิภายในรถยนต์อาจไม่ต่างจากตู้เย็น ควรระวังเรื่องทิ้งแมวและสุนัขไว้ในรถยนต์กลางแดดที่ร้อนจัดอย่างไร ก็ต้องระวังในขณะอุณหภูมิหนาวเย็นเช่นกัน สัตว์เลี้ยงอาจเจ็บป่วย เป็นไข้ และช็อกตายเนื่องจากภาวะอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ แมวได้ชื่อว่าทนอากาศหนาวได้ดีกว่าสุนัข แต่มักจะเกิดปัญหากรณีที่แมวคลานเข้าไปหาที่อบอุ่นในเพิงที่อันตรายและแอบซ่อนอยู่ในฝากระโปรงรถ ควรเคาะให้แมวหนีออกมาก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย

3 ข้อดีที่สำคัญของการมีสุนัข แมวในชีวิตเรา

3 ข้อดีที่สำคัญของการมีสุนัข แมวในชีวิตเรา

สุนัข แมว เป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์สำหรับทุกครอบครัว และเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คนทั่วโลกเลี้ยงไว้ในบ้าน ด้วยความน่ารักของอุปนิสัยและรูปร่าง-สีสัน ที่เราเลือกได้ตามสายพันธุ์ที่ชอบ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือข้อดีที่เรานำมาเสนอ 3 ข้อ ดังนี้

1.ช่วยให้คลายเครียดและให้ความอบอุ่นใจ
ความเครียดเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เลย เพราะเราทุกคนเชิญหน้ากับปัจจัยที่กระตุ้นให้สารแห่งความเครียดหลั่งในสมองได้ทุกวัน ไม่ว่าจะรถติดไปทำงานแทบไม่ทัน การทำงานที่เคร่งเครียดต้องทำตามเป้าหมายที่สูงขึ้น การแข่งขันในวัยเรียน การเร่งหารายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ฯลฯ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นสุนัขและแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของตัวเองเข้ามาคลอเคลียและแสดงอาการดีใจที่เจ้านายกลับมา ย่อมต้องยิ้มออก แล้วก็รู้สึกดีที่ยังมีใครสักคนรอเราอยู่ที่บ้าน ถึงแม้จะเป็นสุนัขและแมว แต่เขาก็เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้ใจและไม่เคยทำร้ายเรา

2.ลดปัญหาซึมเศร้าและทำให้เห็นคุณค่าในตัวเอง
คนที่อยู่ตัวคนเดียวแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต โดยเฉพาะหากอยู่ในช่วงชีวิตขาลง เช่น อกหัก สอบตก พ่อแม่เสียชีวิต ฯลฯ จะทำให้คิดฟุ้งซ่านได้ การมีสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงและผูกพันกันมา จะเปรียบเหมือนยาที่ดีที่สุด เพราะเราจะรู้สึกตัวเองว่ายังมีคุณค่าในการมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลเขาเหล่านั้น หลายคนที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อได้คลุกคลีและดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้นาน ๆ เข้า ก็จะรู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และหันมาทำสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองและสังคมมากขึ้น

3.สร้างรายได้ให้คนเลี้ยง
การสร้างรายได้ที่มาจากสัตว์เลี้ยง ไม่จำเป็นต้องเป็นการเพาะพันธุ์เป็นฟาร์มสุนัขหรือฟาร์มแมวขายเท่านั้น แต่ยังหมายถึง การแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่น ด้วยการถ่ายคลิปวิดีโอที่ตัวเองเล่นกับสุนัข หรือ กิริยาท่าทางต่าง ๆ ของแมวที่มีความเป็นธรรมชาติ คนส่วนใหญ่จะชอบดูคลิปสุนัขและแมว เพราะรู้สึกผ่อนคลาย อย่าลืมว่า ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ เขาจึงชื่นชอบที่จะดูคลิปมากกว่า จุดนี้เองจึงเป็นการสร้างรายได้ขึ้นมา หากคุณอัปโหลดคลิปขึ้นระบบ YouTube หรือ Facebook และ website ก็จะมีผู้ติดตาม และมีรายได้จากสปอนเซอร์ตามมาได้

การมี สุนัข แมว เป็นเพื่อนนั้น มีข้อดีหลายอย่าง แต่ก่อนจะเลี้ยงต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้วย เช่น ความพร้อมของสถานที่ เวลาที่มีให้ เงินที่พร้อมจ่ายเพื่อค่ายา อาหารและวัคซีน ฯลฯ และยังต้องดูแลไปจนหมดสิ้นอายุขัยที่ประมาณ 10 ปีด้วย หากคุณคำนึงถึงทั้งสองส่วนนี้แล้วยังยืนยันที่จะเลี้ยง เราก็เชื่อมั่นว่าคุณจะได้รับความสุขในทุก ๆ วันจากการเลี้ยงสุนัข แมวเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน

บอกลาปัญหาหมาแมวไม่ถูกกันด้วยวิธีง่าย ๆ ที่คนรักสัตว์ต้องทำตาม

บอกลาปัญหาหมาแมวไม่ถูกกันด้วยวิธีง่าย ๆ ที่คนรักสัตว์ต้องทำตาม

ปัญหาหมาแมวไม่ถูกกัน นับเป็นปัญหาใหญ่ที่คนเลี้ยงสัตว์ต้องเจอ และหากกำลังเผชิญปัญหานี้ ขอแนะนำวิธีช่วยบอกลาปัญหาน้องหมาและน้องแมวไม่ถูกกัน รับรองว่าทำตามได้ง่าย คนรักสัตว์ต้องชอบแน่นอน

1.เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพามาเจอกัน
หากต้องการบอกลาปัญหานี้ บอกเลยว่าต้องเริ่มต้นจากเจ้าของสัตว์ก่อน เพราะต้องแน่ใจว่าพร้อมจริง ๆ สำหรับการเลี้ยงเจ้าสุนัขและแมว นอกจากนี้ยังต้องเตรียมบริเวณบ้านให้พร้อมสำหรับการพาสัตว์ทั้งสองชนิดมาอยู่ด้วย นั่นคือ ควรมีห้องอย่างน้อยสองห้อง เพราะการทำความรู้จักกันระยะแรกจำเป็นต้องแยกสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ออกห่างกันนานพอสมควร

2.เริ่มต้นทำความรู้จักกันผ่านกลิ่น
ได้เวลาพาน้องหมาและน้องแมวทำความรู้จักกัน เริ่มต้นควรทำความรู้จักผ่านกลิ่นไปก่อน เพราะสัตว์จะทำความคุ้นเคยผ่านกลิ่น โดยควรแยกสัตว์ทั้งสองชนิดให้อยู่คนละห้องกัน จากนั้นลูบตัวแมวเบา ๆ ก่อนนำมือนั้นมาลูบที่ตัวสุนัข จากนั้นทำเช่นเดียวกัน นั่นคือลูบตัวสุนัขและมาลูบตัวแมว เพื่อให้ทั้งสองเริ่มได้กลิ่นกันและกัน เมื่อทำไปสักระยะแนะนำให้สลับห้อง โดยให้สุนัขไปอยู่ในห้องที่แมวเคยอยู่และนำแมวมาอยู่ในห้องที่สุนัขเคยอยู่ ซึ่งจะทำให้คุ้นเคยกลิ่นกันมากขึ้น

3.พามาเจอกันในช่วงเวลาผ่อนคลาย
หลังจากสลับห้องกันแล้ว อย่าลืมสังเกตว่าสุนัขและแมวมีอาการฉุนเฉียวเมื่อได้กลิ่นฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ ซึ่งหากยังมีอาการควรใช้วิธีสลับห้องอีกสักระยะ แต่หากสังเกตว่าน้องหมาและน้องแมวมีอาการผ่อนคลาย แนะนำให้ลองพามาเจอหน้ากัน โดยอาจใช้เวลาเพียง 10-15 นาที แต่ช่วงเวลานี้ควรสังเกตด้วยว่าทั้งสองฝ่ายมีอาการตื่นกลัวหรือฉุนเฉียวหรือไม่ จากนั้นจึงค่อยแยกกันอยู่เหมือนเดิม

4.เพิ่มเวลาเจอหน้ากันทีละนิด
หากการเจอหน้ากันครั้งแรกไปได้สวย ไม่มีอาการฉุนเฉียว ครั้งต่อไปให้เพิ่มเวลาทีละนิด เช่น 20-30 นาที โดยครั้งนี้อาจเผชิญหน้ากันตรง ๆ โดยควรอุ้มแมวไว้ ส่วนสุนัขก็ควรใช้สายลากจูง เพราะหากว่าปะทะกันเมื่อไหร่จะได้ห้ามได้ทัน โดยการเจอกันแต่ละครั้งควรควบคุมสถานการณ์ไม่ให้รุนแรง เพราะทั้งสองฝ่ายอาจกลายเป็นคู่อริกันได้

5.พาน้องแมวเข้าบ้านก่อนน้องหมา
หากเป็นไปได้แนะนำให้พาน้องแมวเข้าบ้านก่อนสุนัข เนื่องจากสุนัขมีสัญชาตญาณจ้าถิ่นและหวงอาณาเขต การพาน้องแมวเข้าบ้านก่อนจะทำให้น้องหมาปรับตัวได้ง่าย ที่สำคัญตลอดเวลาที่เลี้ยงควรให้ความรักเท่ากัน เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดรู้สึกอิจฉา

คนรักสัตว์คนไหนที่ต้องการเลี้ยงน้องหมาและน้องแมวด้วยกัน แนะนำให้วางแผนดี ๆ เพื่อสอนให้สัตว์ทั้งสองชนิดเป็นมิตรกันมากขึ้น รับรองว่าถ้าสุนัขและแมวไม่หาเรื่องทะเลาะกันบ่อย ๆ จะช่วยทำให้คนรักสัตว์เลี้ยงสัตว์ทั้งสองชนิดได้อย่างสบายใจมากขึ้นแน่นอน

6 ความลับของสุนัข แมวที่คนรักสัตว์ส่วนมากอาจไม่รู้

6 ความลับของสุนัข แมวที่คนรักสัตว์ส่วนมากอาจไม่รู้

“สุนัข แมว” สัตว์เลี้ยงแสนรักที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านานถึงขั้นที่มองตากันก็รู้ใจเลยทีเดียว แต่ใครบนโลกต่างก็มีความลับใช่ไหมล่ะ เพราะน้องหมาน้องแมวของเราก็มีความลับที่เราอาจไม่รู้เช่นกัน! อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าความลับที่ว่านั้นคืออะไร มาดูเฉลยให้หายข้องใจไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

ความลับของสุนัข

1.น้ำย่อยมหัศจรรย์

สงสัยไหมว่า สุนัขนั้นกินกระดูกและอาหารที่ดูสกปรกได้อย่างไร คำตอบคือเพราะน้ำย่อยในกระเพาะน้อง ๆ มีความเป็นกรดสูง ช่วยในการย่อยกระดูกและฆ่าเชื้อโรคไปในตัว แต่ให้ดีควรหลีกเลี่ยงกระดูกต้มสุกจัดและมีชิ้นแข็งและใหญ่ เพราะกระดูกที่สุกจะมีโอกาสแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แหลม ๆ แทงลำไส้และกระทบต่อสุขภาพฟันของน้อง ๆ​ ด้วย

2.กระดิกหางไม่ได้แปลว่าอารมณ์ดี

คนหลายคนอาจจะเข้าใจว่าน้องหมากระดิกหางเพราะต้องการผูกมิตรหรือกำลังร่าเริง แต่ในความเป็นจริงแล้วขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะการกระดิกหางอาจเป็นสัญญาณว่าน้อง ๆ กำลังตื่นเต้นหรือหงุดหงิดอยู่ ซึ่งสังเกตได้จากหางที่ตั้งชู ส่ายไปมาแบบเกร็ง ๆ หูตั้งและสายตาที่จ้องมองแบบไม่เป็นมิตร

3.สมองอายุเท่าเด็ก 2 ขวบ 

มีงานวิจัยออกมาว่าการทำงานของสมองน้องหมานั้นมีอายุเท่ากับเด็ก 2 ขวบ จึงทำให้น้อง ๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กตลอดเวลาไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แถมยังขี้เบื่ออีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสุนัขถึงอยู่ไม่สุข ชอบวิ่งเล่น กัดแทะสารพัด นั่นเป็นเพราะน้อง ๆ ต้องการความสนใจจากเจ้าของที่เขารักนั่นเอง 

ความลับของแมว 

1.นิ้วเท้าไม่เท่ากัน 

ทาสแมวเคยสังเกตนิ้วเท้าของน้องแมวตัวเองกันบ้างหรือเปล่า นิ้วเท้าที่ว่านั้นหมายถึงน้อง ๆ มีจำนวนนิ้วเท้าหน้าและหลังที่ไม่เท่ากัน โดยเท้าหน้านุ่ม ๆ ของน้อง ๆ จะมีจำนวน 5 นิ้วและเท้าหลังมีเพียง 4 นิ้วเท่านั้น อย่ารอช้า ลองไปนับนิ้วของน้องเหมียวเลย! 

2.ไม่มีต่อมรับรสหวานโดยเฉพาะ 

น้องแมวมีต่อมรับรสเพียง 500 ต่อมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับคนที่มีถึง 10,000 ต่อมรับรส แถมเจ้าเหมียวไม่มีต่อมในการรับรสหวานอีกต่างหาก ดังนั้นจมูกของน้องแมวจึงทำหน้าที่แทนข้อบกพร่องทางต่อมรับรส น้องแมวจึงเลือกดมอาหารก่อนกินอยู่เสมอ 

3.นวดหมายถึงอะไร!

ทาสแมวบางคนอาจจะเคยเห็นน้องแมวเอาเท้าหน้ากด ๆ คล้ายกับการนวด ไม่ว่าจะเป็นโซฟา พรมหรือตัวเจ้าของเอง ตามจริงน้องแมวไม่ได้มีเจตนาใจดีอยากนวดนะ แต่การนวดหมายถึงการแสดงอาณาเขตและความเป็นเจ้าของ เพราะที่อุ้งเท้ามีต่อมกลิ่นอยู่ต่างหากล่ะ 

หลังจากรู้ความลับแล้ว เราหวังว่าเหล่าคนรักสุนัข แมว​ทั้งหลายจะเข้าใจและรู้จักน้อง ๆ มากขึ้นนะ รู้ขนาดนี้แล้วก็อย่าลืมที่จะใส่ใจและให้ความรักกับน้อง ๆ อย่างสม่ำเสมอด้วยล่ะ

สุนัข แมว เลี้ยงอะไรดีกว่ากัน

สุนัข แมว เลี้ยงอะไรดีกว่ากัน

สุนัข แมว… ตัวไหนน่ารักกว่ากัน คนรักสัตว์หลายคนคงจะตั้งคำถามเมื่อสองจิตสองใจจะเลี้ยงอะไรดี น้องเหมียวก็น่ารัก เจ้าตูบก็แสนรู้ ถ้าใครอยู่ในช่วงคิดไม่ตกว่าจะเลี้ยงอะไรดีแบบนี้ วันนี้เรามีคำตอบให้กับไกด์ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลี้ยงสุนัขและแมวได้ง่ายขึ้น

ระหว่างสุนัข แมว ถ้าจะบอกตัวไหนน่ารักกว่ากันก็คงจะบอกไม่ได้ เพราะเจ้าสัตว์เลี้ยงน่ารักสองตัวนี้ต่างก็มีลักษณะ อุปนิสัยและความน่ารักที่แตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของผู้เลี้ยงอีกด้วย มาเริ่มกันที่สุนัขหรือเจ้าตูบกันเลยดีกว่า

สุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการความใส่ใจจากเจ้าของมากกว่าแมว ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน เล่นหรือนอน จึงไม่เหมาะกับเจ้าของที่อยากได้เวลาเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ แต่เหตุผลหลักที่สุนัขต้องการความรักจากเรานั้นก็เพราะเขารักเรามากนั่นเอง ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจที่จะเลี้ยงน้องหมาแล้ว เราจะต้องให้เวลาเขาเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง สุนัขมีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก ข้อดีของสุนัขคือเราสามารถฝึกฝนให้เขารอ เชื่อฟังหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างชาญฉลาดเลยล่ะ ไม่ว่าใครก็จะต้องตกหลุมรักแววตาอันอ้อนวอนและน่ารักของเจ้าตูบไปตาม ๆ กัน

แมว สำหรับน้องแมวเหมียว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ต้องการเวลาและการดูแลมากเท่าสุนัข แต่ก็ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของน้องเหมียวแต่ละตัวว่ามีความขี้อ้อนมากน้อยแค่ไหน เพราะน้องเหมียวส่วนใหญ่มักจะมีเวลาส่วนตัว และจะเข้าหาเจ้าของจริง ๆ ก็ต่อเมื่อหิวหรือต้องการความสนใจจากเจ้าของอย่างจริงจัง แค่เรามีอาหาร น้ำและกระบะทรายไว้ น้องก็สามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ เลยล่ะ แถมยิ่งตัวไหนขี้อ้อนก็จะคลอเคลีย และแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแรงกล้าเลยล่ะ แต่ถ้าเลี้ยงแมวก็จะมีสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้ผู้เลี้ยงตกใจ นั่นก็คือการแสดงความรักต่อเจ้าของและความสามารถตัวเองด้วยการนำสัตว์ต่าง ๆ ที่น้องล่ามาฝาก ไม่ว่าจะเป็นนก หนู จิ้งจกหรือสัตว์อื่น ๆ มาวางไว้ตามที่นอนหมอนมุ้ง พรม ห้องน้ำหรืออื่น ๆ แต่ด้วยความสันโดษของน้องแมว เราจึงต้องคอยหมั่นสังเกตอาการและโรคของเขาอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นที่สังเกตได้ยากนั่นเอง

เหตุผลเหล่านี้จะช่วยผู้ที่กำลังวางแผนอยากจะมีสัตว์เลี้ยงอย่าง สุนัข แมว สักตัวในบ้าน สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเพื่อนที่กำลังเลี้ยงสัตว์ ผู้ขายสัตว์เลี้ยง ข้อมูลหรือวิดีโอเพิ่มเติมต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเลี้ยงสัตว์ก็คือความพร้อม เพื่อที่เราจะได้เลี้ยงเขาด้วยความรักและความใส่ใจเหมือนครอบครัวเดียวกัน

ข้อดีของการมี สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน

ข้อดีของการมีสัตว์เลี้ยง,เลี้ยงสัตว์ประจำครอบครัว,อุปนิสัยพื้นฐานของสัตว์

ในปัจจุบันมีการเก็บสถิติพบว่า ผู้คนทั่วโลกนิยมอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยวขนาดเล็ก และเลี้ยงสัตว์ประจำครอบครัวมากขึ้น โดยสัตว์เลี้ยงที่คนนิยมมากอันดับต้น ๆ คือ สุนัข แมว รองลงมา ได้แก่ กระต่าย ปลา นอกจากนี้ยังมีสัตว์แปลก ๆ เช่น งู กิ้งก่า ชูก้าไรเดอร์ ฯลฯ อีกด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงจะได้รับประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1.ทำให้อารมณ์แจ่มใส
การมีสัตว์เลี้ยงอยู่ข้างกาย จะทำให้คุณมีความรักความผูกพันกับมัน ได้เห็นพฤติกรรมน่ารัก ๆ ตามธรรมชาติที่จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ซึ่งมีผลการวิจัยบอกว่า ความรู้สึกนี้เกิดจากร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขชื่อว่าออกซิโตซินออกมา เมื่อคุณใช้เวลาร่วมกับสัตว์เลี้ยงมาก ๆ คุณจึงมีความสุขในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น และลดความเครียดที่สะสมจากการทำงานได้เป็นอย่างดีด้วย

2.ทำให้คุณมีสังคมใหม่
การมีสังคมใหม่ ๆ ไม่จำเป็นจะต้องมาจากการเปลี่ยนงาน หรือประชุมนอกสถานที่เท่านั้น ยังเกิดจากการมีสัตว์เลี้ยงได้ เช่น คุณอาจเข้ากลุ่มคนรักสุนัขแมว ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลจำพวกการดูแลสัตว์เลี้ยง ปัญหาสุขภาพที่เกิดกับสัตว์เลี้ยง หรือรวมตัวกันทำกิจกรรมอาสาเพื่อช่วยสัตว์ที่ไร้ที่พึ่ง สัตว์จรจัดได้

3.ช่วยให้มีความสุขในชีวิตคู่มากขึ้น
ปัจจุบันมีคู่สมรสที่ไม่มีลูกในสัดส่วนที่มากขึ้น หลายคู่เลือกเลี้ยงสุนัข แมว หรือสัตว์อื่น ๆ ที่ชื่นชอบร่วมกัน เพื่อให้ไม่เหงาและยังส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น การมีสัตว์เลี้ยงที่น่ารักในบ้านยังช่วยเป็นสื่อกลางในการหาหัวข้อมาพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนกันได้เป็นประจำ จึงทำให้คุณมีความสุขในชีวิตสมรสมากยิ่งขึ้นได้

4.ทำให้เป็นคนรับผิดชอบ
การต้องพาสัตว์ไปขับถ่ายเป็นเวลาเช้าเย็น ดูแลอาบน้ำตัดขนทำความสะอาดรายสัปดาห์ ดูแลความสะอาดกรงที่อยู่ จัดการเรื่องอาหารการกิน พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นระยะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นคนที่รับผิดชอบและเอาใจใส่ดูแลตัวเองและผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้นด้วย

5.ช่วยเตือนภัยและเฝ้าบ้าน
สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ เช่น สุนัขและแมว จะมีประสาทสัมผัสทางการมองเห็นและจมูกที่ดมกลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์หลายเท่า หากมีคนแปลกหน้าเข้ามาในยามวิกาล สัตว์จะส่งเสียงร้องให้คุณได้รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น คุณจะได้ระวังตัวมากขึ้น

การมี สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยง ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์หลายข้อ ทั้งด้านอารมณ์ การปรับเปลี่ยนอุปนิสัยส่วนตัว ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมใหม่ ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดต้องมีความรับผิดชอบและเรียนรู้อุปนิสัยพื้นฐานของสัตว์ จึงจำเป็นต้องศึกษาสายพันธุ์สัตว์แต่ละชนิดให้เข้าใจดีเสียก่อนเลือกเลี้ยง

วิธีคลายเหงาสุนัข แมวหลังพ้นล็อคดาวน์ เจ้านายกลับไปทำงานแล้ว

วิธีคลายเหงาสุนัข แมวหลังพ้นล็อคดาวน์ เจ้านายกลับไปทำงานแล้ว

เมื่อก่อนเจ้าของไปทำงาน ปล่อยสัตว์เลี้ยงรวมทั้งสุนัขและแมวอยู่บ้านเพียงลำพังเป็นเรื่องปกติ แต่หลังรัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ให้ทุกคนอยู่บ้านระหว่างสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด สัตว์เลี้ยงรู้สึกอบอุ่นที่เจ้านายอยู่บ้านเป็นเพื่อนกันตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาเลิกมาตรการคุ้มเข้มและชีวิตกลับคืนสู่สภาพปกติบรรดาเจ้านายกลับไปทำงานตามเดิม หลายคนรู้สึกเป็นห่วงหลังจากสังเกตเห็นว่าน้องหมาน้องแมวเริ่มปัสสาวะไม่เป็นที่เป็นทางระหว่างที่ไม่มีคนอยู่บ้าน บางทีก็เดินตามไปทุกที่แม้กระทั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำ ทำอย่างไรดีเมื่อสัตว์เลี้ยงหงอยเหงาและเกิดความเครียด

ก่อนอื่นลองสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงมีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังจากที่เจ้านายกลับไปทำงานตามเดิม เดียว หากสุนัขและแมวทำลายสิ่งของหรือถ่ายเรี่ยราด ขอให้เข้าใจว่าสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณของความวิตกกังวลและทุกข์ใจที่ต้องเหงาอยู่บ้านตัวเดียว ไม่ควรลงโทษสัตว์เลี้ยงเพราะจะยิ่งทำให้เครียดมากขึ้น ในทางกลับกันถ้าแสดงความรักโอ๋สัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษจะทำให้ปัญหาแย่ลงเช่นกัน ทางที่ดีควรปรับอารมณ์ให้สมดุลจนกระทั่งสัตว์เลี้ยงอยู่ลำพังได้โดยไม่รู้สึกเหงา ก่อนอื่นพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้มั่นใจว่าไม่ได้มีความผิดปกติเพราะร่างกายเจ็บป่วย ในกรณีที่เป็นสุนัขควรพาไปวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำก่อนกลับไปทำงานนอกบ้านตามเดิม เพื่อให้สุนัขรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจในขณะที่เจ้านายไม่อยู่บ้าน ส่วนแมวให้อุ้มไปนั่งเล่นกลางแจ้งที่เป็นพื้นที่ปิดปลอดภัยอย่างสวนหลังบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น

ตัวเจ้าของสัตว์เลี้ยงเองก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างด้วย ถ้าสังเกตว่าสุนัขหรือแมวจะเห่าหอนหรือเดินไปเดินมาแสดงท่าทางกังวลเวลาเห็นเจ้านายหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน แนะนำให้หยิบกระเป๋ามาสะพายแล้ววางลงหลาย ๆ ครั้งเป็นเวลานานนับชั่วโมง หรือลองสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วดับเครื่องเดินกลับเข้าไปในบ้านทำซ้ำ ๆ กันหลายครั้งทำให้สัตว์เลี้ยงคุ้นเคย ก่อนกลับไปทำงานควรฝึกสัตว์เลี้ยงให้อยู่ตัวเดียวโดยออกไปทำธุระนอกบ้านเป็นชั่วโมง จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มเวลาอยู่นอกบ้านนานขึ้นจนกระทั่งออกไปทำงานแบบเต็มเวลาได้โดยที่สัตว์เลี้ยงไม่รู้สึกกังวลอีก

เพราะความเบื่อหน่ายทำให้เหงาและเครียดมากขึ้น ควรหาของเล่นและกิจกรรมให้สัตว์เลี้ยงทำในขณะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน อาจจะเป็นของเล่นยัดไส้ขนมหรือตำแยแมวซ่อนไว้รอบบ้าน หรืออุปกรณ์ที่ปล่อยกลิ่นฟีโรโมนให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบจิตใจไม่รู้สึกเครียด เปิดทีวีทิ้งไว้หรือเจ้าของวางเสื้อผ้าที่สวมแล้วยังไม่ซักไว้บนเตียงหรือโซฟาให้หมาแมวได้นอนซุกอย่างอุ่นใจ ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงเหงาและกลัวจนกระทั่งร้อง เห่าหอน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือบางกรณีที่รุนแรงสัตว์เลี้ยงอาจกัดและทำร้ายตัวเอง จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปกับการใช้อาหารเสริมหรือยาช่วยจัดการปัญหานี้ได้ เมื่อคลายเครียดและรู้สึกสงบได้แล้วทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ บรรดาเจ้าของสัตว์เลี้ยงออกไปทำงานโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป