ข้อเสียแมว “สก๊อตติชโฟลด์” รู้ไว้ก่อนเลี้ยง

แม้ว่าแมวสก็อตติชโฟลด์จะน่ารักอย่างปฏิเสธไม่ได้เมื่อมีหูพับ แต่สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงข้อเสียด้านสุขภาพที่สำคัญของแมวก่อนที่จะพิจารณานำกลับบ้าน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ควรทราบ:

 Osteochondrodysplasia (OCD): นี่คือข้อกังวลหลัก ยีนที่รับผิดชอบต่ออาการหูพับยังส่งผลต่อกระดูกอ่อนและการพัฒนาของกระดูกทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมอย่างเจ็บปวดในข้อต่อ เช่น ข้อศอก เข่า และกระดูกสันหลัง สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดอาการขาเจ็บ อาการตึง และเคลื่อนย้ายลำบาก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขา

 ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

-โรคไตหลายใบ (PKD): ภาวะทางพันธุกรรมนี้ทำให้ซีสต์เติบโตบนไต และนำไปสู่ภาวะไตวายในที่สุด

-อาการหูหนวก: สามารถเกิดขึ้นได้ในแมวพับบางอันเนื่องจากความผิดปกติของหูชั้นใน

-ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา: รอยพับบางรอยอาจทำให้เกิดรอยพับ โดยที่เปลือกตาม้วนเข้าด้านในและทำให้ตาระคายเคือง

 ข้อกังวลด้านจริยธรรม

องค์กรหลายแห่งถือว่ารอยพับการผสมพันธุ์นั้นผิดจรรยาบรรณเนื่องจากปัญหาสุขภาพโดยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์

บางประเทศถึงกับห้ามการผสมพันธุ์ด้วยซ้ำ

 ทางเลือกอื่นที่ต้องพิจารณา

-สเตรตสก็อตติช: แมวเหล่านี้มีลักษณะเหมือนพับ ยกเว้นหูพับ ไม่ได้รับผลกระทบจาก OCD และเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า

-แมวสายพันธุ์อื่นๆ: แมวอื่นๆ หลายสายพันธุ์มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีบุคลิกที่น่ารักโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ

ข้อควรจำ: การเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับการจัดลำดับความสำคัญของสวัสดิภาพของสัตว์ แม้ว่าสก็อตติชโฟล์ดอาจดูสวยงาม แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานที่อาจเกิดขึ้นที่พวกมันสามารถทนได้อันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ ลองพิจารณาแมวสายพันธุ์อื่นหรือแมวสก็อตติชแท้เพื่อเป็นทางเลือกที่มีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบมากขึ้น

แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราชสมาคมเพื่อการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ (RSPCA): https://kb.rspca.org.au/knowledge-base/what-are-the-animal-welfare-problems-associated-with-scottish-fold- แมว/

ชมรมแมวสกอตติชโฟลด์: https://www.facebook.com/groups/scottishfoldinfocommunity/ (หมายเหตุ: เว็บไซต์นี้โปรโมทสายพันธุ์นี้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องวิจารณ์ข้อมูลที่นำเสนอโดยชมรมสายพันธุ์)

หน้าร้อนมาแล้ว หาวิธีคลายร้อนให้น้องแมวแสนรัก

เมื่อฤดูร้อนมาถึง คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมไปทั่ว แมวแทบทุกตัวมีอาการอ่อนเพลียจากความร้อน ร่างกายขาดน้ำ เป็นลมแดด โดยเฉพาะแมวแก่หรือแมวที่มีปัญหาสุขภาพมักจะเป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากความร้อน อากาศร้อนจัดส่งผลกระทบต่อสุขภาพน้องแมวตัวโปรด เจ้าของต้องหาวิธีคลายร้อนช่วยลดอุณหภูมิให้รู้สึกเย็นและผ่อนคลาย มาดูกันว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้น้องแมวเย็นตัวในฤดูร้อน

1.วางชามน้ำและน้ำพุแมว

แมวบางตัวกินน้ำน้อย ชามใส่น้ำที่วางทิ้งไว้นานเกินไปอาจมีกลิ่นและตะกอนทำให้แมวไม่ยอมกินน้ำ ลองเปลี่ยนน้ำนิ่งเป็นน้ำพุเพื่อให้แมวได้ดื่มน้ำสะอาดคุณภาพดีตลอด 24 ชั่วโมง ใส่น้ำได้ปริมาณมาก น้ำไหลเวียนตลอดเวลาและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ กระตุ้นให้แมวกินน้ำมากขึ้นแก้กระหายและคลายร้อนได้

2.เสื่อระบายความร้อน

หากบ้านไม่มีเครื่องปรับอากาศ แนะนำว่าควรมีเสื่อระบายความร้อนหรือเบาะนอนเย็นช่วยระบายความร้อนให้แมวรู้สึกเย็นสบายและระบายอากาศได้ดีด้วย ควรเลือกวัสดุที่ทนทานต่อเล็บแมวหรือเล็มเล็บแมวก่อนนำเสื่อระบายความร้อนออกมาใช้

3.หยดน้ำเย็นบนอุ้งเท้าแมว

หากเห็นน้องแมวมีอาการเหนื่อยหอบ แลบลิ้นออกมาเพื่อระบายความร้อน ชอบนอนเหยียดยาวบนพื้นกระเบื้องเย็นๆ คุณกังวลว่าเจ้าเหมียวควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดีนัก ให้หยดน้ำเย็นลงบนอุ้งเท้าแมวเพื่อระบายความร้อน อาบน้ำเย็นในแมวในกรณีที่คุ้นเคยกับการอาบน้ำอยู่แล้ว แต่ถ้าแมวของคุณไม่เคยอาบน้ำมาก่อน วันที่อากาศร้อนจัดอาจไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด จะทำให้แมวเครียดมากขึ้นและสุขภาพแย่ลง ถ้าไม่ชอบก็ไม่ควรบังคับกัน ลองหาวิธีอื่นดีกว่า

4.เปลี่ยนอาหารเปียกแทนอาหารแห้ง

อาหารเปียกมีน้ำผสมอยู่พอประมาณช่วยให้อาหารนิ่มกลืนง่าย เจ้าเหมียวได้รับน้ำเพิ่มมากกว่าอาหารแห้ง ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำและทำให้แมวรู้สึกเย็นขึ้น

5.เปิดแอร์ให้อากาศหมุนเวียน

การเปิดแอร์หรืออย่างน้อยก็เปิดหน้าต่างและเปิดพัดลมให้อากาศหมุนเวียน มีอากาศถ่ายเทสำหรับแมว ทำเป็นมุมเย็นๆ ให้หลบนอน ไม่ต้องไปหลบนอนในห้องน้ำที่พื้นเย็นกว่าที่อื่น

6.ตัดขนให้แมวขนยาว

ใครที่เลี้ยงแมวขนยาวฟู เมื่ออุณหภูมิร้อนจัด การตัดขนให้แมวตัวโปรดของคุณแบบพอดีไม่สั้นกุดเกินไปเพื่อปกป้องผิวหนังและไม่ทำให้แมวเสียเซลฟ์ด้วย เจ้าเหมียวก็ไม่ต้องทนกับความร้อนจนเกิดฮีทสโตรก

สัญญาณบ่งบอกว่าแมวอ่อนเพลียจากความร้อน 

ในวันที่อากาศร้อน เจ้าเหมียวจะทำอะไรได้นอกจากล้มตัวลงนอนหลบร้อนอยู่ในบ้านหรือเดินเตร็ดเตร่หาร่มเงาไม้ใหญ่เพื่อคลายร้อน อาการอ่อนเพลียจากความร้อนเป็นจุดเริ่มต้นของโรคลมแดด หากแมวรู้สึกร้อนเกินไป อาจไม่ยอมกินอาหาร หายใจหอบ พฤติกรรมวิตกกังวล ซึมเศร้า อ่อนแอ และหลบซ่อนตัว อาจเสี่ยงเป็นฮีทสโตรกได้หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม หากคุณกังวลว่าแมวร้อนเกินไปจนขาดน้ำหรือเป็นลมแดด ให้ติดต่อสัตวแพทย์ทันที

แนะวิธีเลี้ยงสุนัขและแมวแบบมินิมอล ตอบโจทย์คนรักสัตว์

การเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวของแต่ละบ้านก็มีรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธีการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงนั้นก็ส่งผลต่อ อารมณ์ ความคิดของสัตว์เลี้ยงได้มาก วิธีการเลี้ยงจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีความเข้าใจและสบายใจได้ในทุกวัน

  1. มีการจัดสรรตารางกิจกรรมหรือตารางชีวิตของสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสม เพราะถ้าหากเราไม่ได้มีการจัดสรรเวลาต่าง ๆ ให้ดีโดยที่อัดแน่นกิจกรรมให้สุนัขมากจนเกินไป ควรที่จะมีกิจกรรมและเวลาในการพักผ่อนแบบที่พอดี เพื่อลดความเครียด ความหงุดหงิดของสัตว์เลี้ยง สร้างอารมณ์ที่เบิกบานและแจ่มใส หลาย ๆ บ้านที่เป็นกังวลว่าการที่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงไม่ทำอะไรเลยจะส่งผลเสียต่อสัตว์เลี้ยงแต่จริง ๆ แล้วการเว้นวรรค มีช่วงเวลาให้สัตว์เลี้ยงได้พักผ่อนบ้างก็เป็นประโยชน์สำหรับสัตว์เลี้ยงเช่นกัน
  1. อยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วยการเข้าใจซึ่งกันและกัน อย่างที่เราทราบดีว่าสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขนั้นจะมีความไวต่อการได้ยินเสียงประเภทต่าง ๆ ได้มากกว่ามนุษย์ ซึ่งถ้าเรามีการใช้เสียงดัง โวยวาย เปิดเพลงฟังดัง ๆ หรือดูทีวีด้วยเสียงที่ดังมากเกินไปก็สามารถรบกวนสัตว์เลี้ยงของเราได้ ดังนั้นถ้าหากไม่จำเป็นก็ควรใช้เสียงดังในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งการเปิดสื่อต่าง ๆ ก็เลือกเสียงดังพอประมาณถ้าหากว่ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณนั้น ๆ ด้วย 
  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการพาสัตว์เลี้ยงไปวิ่งในช่วงเย็นที่สวยสาธารณะหรือใกล้ ๆ บ้านเพื่อให้สัตว์ได้มีการทำกิจกรรมทางกายที่มากขึ้น สร้างความผ่อนคลายจากความเครียดมาตลอดทั้งวัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้ใช้ระยะเวลาร่วมกันจนเกิดความคุ้นเคยต่อกันได้มากขึ้น
  1. ดูแลเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยอยู่เสมอ เนื่องด้วยถ้าหากมีปัญหาเรื่องของเห็บ ไร หมัด เหาก็จะทำให้สัตว์เลี้ยงมีปัญหาเรื่องโรคต่าง ๆ ตามมาได้ การอาบน้ำ ทำความสะอาด ตัดขน หวีขนอย่างสม่ำเสมอก็จะถือเป็นวิธีช่วยที่ดี ทั้งนี้ยังรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ สิ่งต่าง ๆ ของสุนัขหรือแมวของเราด้วยที่ควรจะทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ของเล่น ผ้าคลุมตัว เป็นต้นเพราะสามารถกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้เช่นกัน

แต่ละวิธีในการดูแลสัตว์เลี้ยงตามแบบฉบับคนรักสัตว์ที่นำมาฝากกัน เชื่อว่าน่าจะถูกใจหลายคน ใครที่ถูกใจวิธีการดูแลสัตว์แบบไหนก็สามารถนำไปประยุกต์และปรับใช้ได้ตามไลฟ์สไตล์และนิสัยของสัตว์เลี้ยงแต่ละบ้าน บอกเลยว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด

มิชชั่นการตัดเล็บให้น้องแมว ความท้าทายที่คุณก็ทำเองได้

มิชชั่นการตัดเล็บให้น้องแมว

ใครที่เป็นทาสแมว หรือเจ้าของแมว ก็คงจะต้องปวดหัวกับพฤติกรรมการชอบข่วนของน้องแมวกันทั้งนั้น แต่นั่นก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมปกติตามสัญชาตญาณ เพราะที่น้องแมวข่วน ก็เพื่อทำเครื่องหมายอาณาเขต หรือเพื่อลับกรงเล็บของพวกเขา แต่ผลที่ได้ก็คือเฟอร์นิเจอร์ หรือผ้าม่านต่าง ๆ ในบ้านของทาสแมวก็กระจุยกระจายเสียหายเป็นรอยขีดข่วนเต็มไปหมด ทางแก้อย่างหนึ่ง ก็คือ ทาสจะต้องตัดเล็บให้กับน้องแมว ซึ่งทาสหลาย ๆ คนก็พากันโบกมือลากับงานสุดหินชวนเครียด ที่จะต้องตัดเล็บให้น้องแมวของตนเอง แต่ถัดจากนี้คุณจะไม่ต้องท้อแท้อีกต่อไป เราจะช่วยบอกเคล็ดไม่ลับเจ๋ง ๆ ที่ได้ผลดี เพื่อช่วยให้คุณตัดเล็บน้องแมวของคุณได้อย่างง่ายดาย และยังช่วยต่อชีวิตให้กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นโปรดในบ้านของคุณได้อีกด้วย

มิชชั่นการตัดเล็บให้น้องแมว ความท้าทายที่คุณก็ทำเองได้

หัวใจของเคล็ดลับ ก็คือ ทาสจะต้องทำให้น้องแมวคุ้นเคยกับการตัดเล็บเสียก่อน เพราะโดยปกติน้องแมวทั้งหลายมักจะกลัวการตัดเล็บ และดิ้นหนีไปมา ดังนั้นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด ก็คือ คุณจะต้องไม่ทำให้น้องแมวกลัว โดยการฝึกตั้งแต่น้องยังเป็นลูกแมว ทำให้น้องสบายใจที่สุดเมื่อจะต้องถูกตัดเล็บ

วิธีการตัดเล็บน้องแมว

เริ่มต้นด้วยการซื้อใจ โดยทาสอาจจะเตรียมรางวัลเป็นขนมแมวที่น้องชอบ เพื่อช่วยให้น้องเหมียวมีความรู้สึกที่เป็นบวกและอารมณ์ดี เมื่อจะต้องถูกตัดเล็บ จำไว้ว่าการตัดเล็บแมวนั้น คุณเพียงแค่ตัดเล็บส่วนที่งุ้มงอเหมือนตะขอ ออกจากปลายเล็บส่วนใหญ่ จงอย่าตัดให้สั้นเกินไป ตัดเพียงแค่ปลายออก และทำอย่างรวดเร็วเสมอ บริเวณที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็คือ ส่วนที่มีสีชมพูภายในเล็บ ซึ่งเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยหลอดเลือดและเส้นประสาทเหมือนกับเล็บมือของมนุษย์ คุณจะต้องหลีกเลี่ยงส่วนนี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้น้องเจ็บได้ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องตัดเล็บทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในครั้งเดียว เริ่มต้นทีละหนึ่งเล็บ แล้วก็ตัดเพิ่มภายหลัง

เมื่อใดก็ตามที่คุณวางแผนจะทำการตัดเล็บให้น้องเหมียว อย่าลืมให้รางวัลเป็นขนมแมวที่น้องชื่นชอบทุกครั้ง เกาคางน้องเบา ๆ ใช้เวลาปลอบประโลมใจกันก่อนเริ่มตัดเล็บเสมอ ทำให้ประสบการณ์การตัดเล็บของน้องแมวนั้นไม่น่ากลัว และทำอย่างรวดเร็ว พยายามเบามือ และหากในครั้งต่อไปถ้าน้องสบายใจมากขึ้น คุณก็สามารถตัดเล็บน้องแมวได้คราวละสองสามเล็บได้มากขึ้น เชื่อเถอะว่าคุณจะต้องยินดีกับอุ้งเท้านุ่ม ๆ และเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีรอยขีดข่วนในบ้านของคุณแน่ ๆ เพียงแค่ใจเย็น ๆ เราขอเป็นกำลังใจ และเชื่อว่ามิชชั่นในครั้งนี้ จะต้องสำเร็จด้วยดีอย่างแน่นอน

ส่องพฤติกรรมเจ้าเหมียวที่ทาสแมวมือใหม่ต้องรู้

ใครเป็นทาสแมวน่าจะทราบดีว่าบรรดาเจ้าเหมียวช่างน่ารักน่าชังมากเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อยามออดอ้อนขอความรักหรือเรียกร้องความสนใจ จนทำให้ปัจจุบันมีทาสแมวจำนวนมากที่หลงใหลในความน่ารักของเจ้าเหมียวไม่แพ้สุนัขหรือสัตว์พันธุ์อื่น ๆ แต่สำหรับทาสแมวมือใหม่ที่เห็นพฤติกรรมแปลก ๆ จากเจ้าเหมียว แน่นอนว่าอดข้องใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ทาสแมวมือใหม่ต้องรู้จะได้รับมือกับเจ้าสี่ขาได้อย่างถูกต้อง

1. สบตาทาส นานเป็นพิเศษ

การที่น้องแมวสบตาเราคงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ แต่บางครั้งน้องแมวกลับสบตาเรานานเป็นพิเศษ การจ้องตาของแมวนั้นหากไม่มีท่าทางหวาดกลัว แสดงให้เห็นว่าน้องแมวรู้สึกไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ หากแมวกระพริบตาช้า ๆ ระหว่างสบตาด้วย นั่นทำให้เดาได้เลยว่าแมวรู้สึกสบายใจกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบรวมถึงเจ้าของ แต่ถึงอย่างนั้นหากแมวสบตาเรา เราควรกระพริบตาให้ และไม่ควรจ้องกลับนาน ๆ เพราะอาจทำให้เจ้าเหมียวรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ 

2. หางม้วนชี้ขึ้นด้านบน

นอกจากการสบตาแมวแล้ว ทาสแมวอย่าลืมสังเกตหางแมวได้ด้วย เพราะหางแมวสามารถสื่อสารความรู้สึกของเจ้าเหมียวได้ เช่น หากพบว่าหางม้วนชี้ขึ้นด้านบน ท่าทางดูผ่อนคลาย แสดงให้เห็นว่าเจ้าเหมียวรู้สึกสบายใจ ไม่หวาดระแวงกับสิ่งแวดล้อม หากพบว่าหางกระตุกเป็นระยะนั่นแสดงให้เห็นว่าน้องแมวรู้สึกรำคาญเพราะมีบางอย่างกวนใจ แต่เมื่อไหร่ที่หางชี้ขึ้นด้านบนและขนที่หางพองฟูให้รู้เลยว่าเจ้าแมวกำลังเตรียมตัวต่อสู้กับอะไรบางอย่าง

3. นอนกลิ้งเพื่อให้เกาพุง

ต้องบอกก่อนว่าตำแหน่งพุงของเจ้าเหมียวคือตำแหน่งที่แมวหวงสุด ๆ ไม่ใช่จะสัมผัสได้ง่าย ๆ แต่หากวันใดที่เจ้าเหมียวยอมล้มตัวนอนหงายเพื่อให้เกาพุง แสดงว่าเจ้าเหมียวให้ความไว้ใจเป็นอย่างมาก ยิ่งหากน้องแมวเลียตัวเราแสดงว่าเขามอบความไว้ใจสูงสุด เพราะพฤติกรรมนี้แมวจะใช้ทำกับลูกเท่านั้น นอกจากนี้ แมวบางตัวยังชอบเอาตัวมาคลอเคลีย พฤติกรรมนี้แสดงถึงการเป็นมิตรเพราะน้องแมวต้องการทิ้งกลิ่นไว้ที่ร่างกายมนุษย์นั่นเอง

เพราะเจ้าเหมียวไม่สามารถสื่อสารมาเป็นคำพูดได้ ใครที่เป็นทาสแมวจึงจำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมเจ้าเหมียวเพื่อให้เข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไร แต่ถึงแม้เจ้าแมวน้อยจะน่ารักและมีพฤติกรรมทำให้มนุษย์ตกหลุมรักได้มากขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ต้องระลึกเสมอคือควรเลี้ยงแมวเมื่อพร้อม เพราะเมื่อตัดสินใจดูแลเจ้าเหมียวแล้ว ความพร้อมก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะพวกเขาต้องการที่พักอาศัย อาหาร ยา การดูแลเอาใจใส่ รวมถึงความรักจากเจ้าของ ก่อนตัดสินใจรับเจ้าเหมียวมาเลี้ยงจึงควรพิจารณาความพร้อมทุกด้านเพื่อให้เจ้าเหมียวอยู่กับเรานาน ๆ และไม่เป็นภาระภายหลัง

แมวเก้าแต้มสายพันธุ์แมวมงคลของไทย

แมวเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์มานานแสนนานแล้ว มีหลักฐานชัดเจนว่าพบเจอซากมัมมี่ของแมวในสุสานโบราณของฟาโรห์อียิปต์อีกด้วย แมวไทยก็เช่นกัน ได้มีการค้นพบสมุดข่อยโบราณที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ที่ปรากฎมีภาพวาดของแมวเก้าแต้ม แมวสายพันธุ์ไทยโบราณ ซึ่งในสมุดข่อยระบุว่า แมวเก้าแต้มเป็นแมวที่มีลักษณะดี และสวยงามอย่างยิ่ง อีกทั้งแมวเก้าแต้มถือเป็นแมวที่ให้คุณ นำพาความสิริมงคลมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ลักษณะของแมวเก้าแต้มจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามศึกษาไปพร้อม ๆ กันเลย

สายพันธุ์แมวไทยที่ให้คุณ แมวเก้าแต้ม 

แมวเก้าแต้ม เป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวมงคล ซึ่งเป็นที่เชื่อถือกันมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า สายพันธุ์แมวมงคลนั้น จะให้คุณอนันต์ นำพาความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ โดยแมวสายพันธุ์มงคลเหล่านี้ ได้แก่สายพันธุ์ เก้าแต้ม วิเชียรมาศ การเวก วิลาศ โกนจา นิลจักร เป็นต้น แมวสายพันธุ์มงคลเหล่านี้เป็นแมวไทยโบราณ บางสายพันธุ์ก็สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่สำหรับแมวเก้าแต้มนั้น ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าเป็นแมวที่นำโชคลาภมาให้กับผู้เลี้ยง

แมวเก้าแต้มนั้นเป็นแมวไทยที่มีลักษณะดี เป็นแมว 9 ชีวิต จึงให้สิริมงคลสูง ผู้ที่เลี้ยงดูหรือเจ้าของแมวเก้าแต้มจะพบกับความสุขความเจริญ และความก้าวหน้า ไม่ว่าทำการงานสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ ดังบทเช่นในบทนิพนธ์ ที่กล่าวถึงแมวเก้าแต้มเอาไว้ว่า

สลับดวงคอโสตรัตต้น ขาหลัง

สองไหล่กำหนดทั้ง บาทหน้า

มีโลมดำบดบัง ปลายบาท สองแฮ

เก้าแห่งดำดุจม้า ผ่าพื้นขาวเสมอ

คนสมัยก่อนโดยเฉพาะในหมู่ขุนน้ำขุนนาง จะนิยมเลี้ยงแมวเก้าแต้มเอาไว้ เพราะเชื่อว่าแมวสายพันธุ์นี้จะส่งเสริมด้านการค้าขายทำให้กิจการรุ่งเรืองร่ำรวย ในราชสำนักเองก็นิยมเลี้ยงแมวเก้าแต้มไว้เช่นกัน เพราะถือว่าจะนำมาซึ่งลาภยศศักดินาต่างๆ ปัจจุบันแมวเก้าแต้มค่อนข้างจะหายาก ต้องสอบถามที่ฟาร์มซึ่งเพาะเลี้ยงแมวเก้าแต้มโดยเฉพาะจริง ๆ

ลักษณะของแมวเก้าแต้ม

แมวเก้าแต้ม จะเป็นแมวพันธุ์ไทยขนสีขาวสะอาด ตามลำตัวจะปรากฏหย่อมขนสีดำ หรือสีน้ำตาลเข้มขึ้นแต้มรวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ได้แก่ แต้มขนบริเวณคอ หัว โคนขาหลังและโคนขาหน้าทั้ง 4 ข้าง แผ่นหลัง โคนหาง และบริเวณไหล่ทั้งสอง โดยลักษณะขนแต้มสีดำหรือสีน้ำตาลนี้ อาจจะพบได้เป็นทรงกลม หรือเป็นปื้นออกเหลี่ยมก็ได้ ปลายหางของแมวเก้าแต้มจะสีขาว ซึ่งลักษณะเช่นนี้เอง จึงเป็นที่มาของคำว่า แมวเก้าแต้ม ส่วนลักษณะของขนนั้น แมวเก้าแต้มจะมีขนปกคลุมทั้งตัวเหมือนกับแมวชนิดอื่น แต่จะเป็นขนจะสั้น ๆ ตลอดทั้งลำตัว 

 หากใครสนใจที่จะมีสัตว์เลี้ยงเพื่อเสริมสร้างสิริมงคลและโชควาสนาวาสนา ก็ลองพิจารณาเลือกแมวเก้าแต้มเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก ไม่แน่ว่าโชคลาภอาจจะมาถึงคุณโดยไม่คาดฝันก็ได้

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้นมีคนที่เป็นทาสหมาทาสแมวรวมกลุ่มกันจำนวนมากในเฟซบุ๊ก เนื่องจากทั้งสุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก มีหลายพันธุ์ให้เลือก และส่วนใหญ่ก็ชอบคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดคน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน เรามาดูกันว่าจะมีข้อดีอะไรบ้าง

1. ถูกใจคนทั้งบ้าน

หากในบ้านของเรามีทั้งคนที่ชอบเลี้ยงหมาและแมว ก็สามารถเลี้ยงทั้งสองชนิดได้ เพียงแต่ต้องเลือกสายพันธุ์และเลี้ยงคู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์หรือโกลเด้นที่มีความคิดเล่น ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เป็นสุนัขจอมซน หรือสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิวาวา ปอมปอม ฯลฯ ส่วนแมวก็ควรจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซีย สก๊อตติช ฯลฯ เพื่อลดโอกาสในการกัดกัน เพียงเท่านี้ในบ้านคุณ ก็จะมีสัตว์เลี้ยงที่ถูกใจทุกคนแล้ว

2. ทำให้เรียนรู้ธรรมชาติ

การเรียนรู้ด้านความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากคนเราที่มีอุปนิสัยต่างกันแล้ว การที่เราเลี้ยงดูสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน จะทำให้เราเห็นถึงธรรมชาติของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ด้วย ว่ามีอุปนิสัยตามสายพันธุ์ต่างกันอย่างไร จะทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นคนช่างสังเกตและประนีประนอมมากขึ้นด้วย หากในบ้านคุณมีเด็กเล็ก เขาจะซึมซับการเรียนรู้อุปนิสัยของสัตว์แต่ละชนิด ทำให้มีส่วนเสริมให้เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์สูงได้ด้วย

3. ทำคลิปสร้างรายได้เสียเลย

หากสุนัขและแมวไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยกัน ก็มักจะกัดกัน การเลี้ยงคู่กันจึงดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ คนจำนวนมากจึงอยากรู้ว่าสุนัขและแมวนั้นอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หากคุณสามารถเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ร่วมกันได้และจัดสรรพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถที่จะอัดคลิปลง YouTube ให้คนเห็นแง่มุมความน่ารักของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้จริง ๆ มีความน่ารักน่าเอ็นดูตามธรรมชาติ จะนำมาซึ่งรายได้จากผู้ติดตามหรือการฝากโฆษณาสินค้า เช่น อาหาร เสื้อผ้าสำหรับสุนัขและแมวได้อีกด้วย

4. ทำให้ได้ความรู้ทางสัตววิทยาเพิ่มขึ้น

เมื่อสุนัขและแมวเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมา เช่น ยาชนิดใดใช้ได้กับสุนัขหรือแมวบ้าง ต้องฉีดวัคซีนที่อายุเท่าใดบ้าง หรือ แม้แต่เรื่องธรรมดา เช่นอาหารใดเหมาะกับสุนัขและแมว ฯลฯ เหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องการผู้รู้มาตอบในกลุ่มเฟซบุ๊กมากมาย หากคุณเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 ประเภทนี้ ก็เท่ากับเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ด้านโรค ยาและโภชนาการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิด และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับคนรักหมาแมวด้วย ถือเป็นวิทยาทานกับผู้อื่นได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสุนัขและแมวร่วมกันนั้น แม้อาจจะดูน่าปวดหัว ยุ่งยาก แต่หากเริ่มต้นด้วยความชอบหรือความสงสารสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง นำมาเลี้ยงด้วยความรักและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติม คุณจะได้โอกาสในการพัฒนาตัวเองและสร้างประโยชน์ในวงกว้างต่อไปด้วย

รวม 3 เคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้

ทริคฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกัน

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าน้องหมาและน้องแมวนั้นเปรียบเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเจอหน้ากันที่ไรเป็นต้องแยกเขี้ยวใส่กันทุกครั้งไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะเป็นเจ้านายหมาหรือ ทาสแมว อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตัดปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนรักสัตว์ไม่น้อยที่ตัดสินใจเลี้ยงน้องหมาน้องแมวไว้ด้วยกัน ซึ่งถ้าเริ่มเลี้ยงตั้งแต่พวกเค้าเป็นเด็กก็อาจจะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนที่เพิ่มรับน้องหมาน้องแมวมาเลี้ยงตอนที่โตแล้ว บอกเลยว่าทาสต้องเหนื่อยใจทำหน้าที่เป็นกรรมการคอยห้ามทัพไม่ให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองทะเลาะกันจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผู้เลี้ยงสุนัข แมว จัดการปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น วันนี้เรามี 3 เคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกันได้มาฝาก แต่จะมีเคล็ดลับไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย

ทริคฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกัน

พยายามขังแยกไว้ก่อน : เมื่อตัดสินใจจะนำสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้าน ในช่วงแรกทั้งสองอาจมีความตื่นเต้นเห่าขู่กันตามสัญชาตญาณ ก่อนอื่นเลยแนะนำว่าให้จับขังกรงแยกไว้ก่อน โดยจะจับใส่กรงทั้งสองตัวหรือจับตัวใหม่ใส่กรงไว้ก่อนก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งตัวเก่าตัวใหม่ตกใจจนวิ่งหนีหายเตลิดแล้ว ยังเป็นการช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้ปรับตัวได้เร็วขึ้น

เริ่มต้นด้วยการให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันผ่านลูกกรง : หลังจากสัตว์เลี้ยงเริ่มมีสัญญาณสงบลงไม่ขู่ไม่เห่าเหมือนในช่วงแรก ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทำความรู้จักกับเพื่อนต่างสปีชีส์แล้ว ให้เจ้าของเริ่มลองให้สัตว์เลี้ยงได้เผชิญหน้าและสัมผัสกันผ่านลูกกรง โดยมีเจ้าของคอยปลอบเจ้าสัตว์เลี้ยงอยู่ข้าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสองตัวเกิดความเครียด เมื่อดูแล้วว่าทั้งสองเริ่มเข้าได้จึงค่อยปล่อยออกมาทำความรู้จักกันแบบจริง ๆ จัง ๆ

เสริมความคุ้นเคยด้วยผ้าของอีกฝ่าย : การให้น้องหมาน้องแมวดมกลิ่นของอีกฝ่ายจะเป็นการช่วยเพิ่มคุ้นชินให้กับสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว ซึ่งวิธีการนั้นก็ง่าย ๆ แค่เจ้าของลูบตัวน้องหมาให้มีกลิ่นติดมือไปสัมผัสตัวน้องแมว จากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนไปลูบน้องแมวไปจับตัวน้องหมา หรืออาจจะสลับผ้าห่ม ข้าวของเครื่องใช้กันไปมา เพียงเท่านี้ก็ทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกเป็นพวกเดียวกันได้ง่ายขึ้น

รวม 3 เคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับเคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกันที่เรานำมาฝาก แต่อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจรับสมาชิกใหม่เข้ามาเลี้ยงเพิ่ม ควรพิจารณานิสัยและพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงตัวเดิมก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะน้องหมาส่วนใหญ่มักจะมีสัญชาตญาณนักล่า ถ้ามีนิสัยดุร้ายหรือชอบกัดสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าก็อาจต้องชะลอแผนการที่จะเลี้ยงสัตว์ทั้งสองชนิดไว้รวมกัน เพื่อความปลอดภัยของน้องแมวและเจ้าของเอง ส่วนน้องแมวถ้ามีนิสัยหยิ่ง ติดเจ้าของ และขี้น้อยใจ แนะนำว่าไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงอื่นเข้ามาในบ้าน เนื่องจากจะทำให้น้องแมวเครียดน้อยใจจนไม่ยอมกินข้าวหรือหนีหายออกจากบ้านไปได้

รู้ไหม เลี้ยงสุนัข แมว มีข้อดีอย่างไร

การเลี้ยงสุนัข แมวเป็นที่นิยมมากทั่วโลก เนื่องจากเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถฝึกฝนให้ทำตามคำสั่งได้ง่าย และยังใช้พื้นที่อาศัยไม่มากจนเกินไป แม้จะอยู่ในคอนโด หอพักก็ยังสามารถเลี้ยงได้

ซึ่งมีการศึกษาวิจัยพบข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวหลายประการ ที่เราได้รวบรวมมา เพื่อให้ทุกท่านที่รักสัตว์ได้พิจารณาเลี้ยงสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ ดังนี้

1. ช่วยในการลดความเครียด

มีการศึกษาว่า ผู้ที่เลี้ยงสุนัขแมวจะลดความเครียด จากการทำงานได้ โดยเฉพาะคนโสดที่ไม่มีใครช่วยในการพูดคุยผ่อนคลายที่บ้าน การกลับมาได้เล่นกับสุนัขและแมว จะทำให้ได้รู้สึกปลดปล่อยและพักผ่อนสมอง เช่นเดียวกับการดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือเลยทีเดียว

2. ฝึกฝนให้ใจเย็น

สุนัข แมวเป็นสัตว์ที่สามารถฝึกให้ใจคำสั่งได้ โดยจะฟังคำสั่งจากเจ้านายแบบสั้น ๆ เช่น นั่ง คอย หยุด ไป กิน ฯลฯ แต่ทั้งนี้ ต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกฝนและสายพันธุ์ของสัตว์ด้วย การฝึกฝนตั้งแต่เล็ก ๆ ก็จะสามารถเข้าใจคำสั่งได้อย่างมาก โดยทางการแพทย์วิจัยพบว่า สุนัขและแมวสามารถเรียนรู้ได้เท่ากับเด็ก 7 ขวบ หากเจ้าของใจเย็นพอที่จะฝึก ก็ได้ทำให้สุนัข แมวปฏิบัติตามคำสั่งได้ไม่ยากนัก

3. ช่วยให้มีวินัยมากขึ้น

สุนัขและแมวต่างต้องการการออกกำลังกาย เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง รวมทั้งต้องมีการออกไปขับถ่าย เป็นเวลา นอกสถานที่การเลี้ยงสัตว์ทั้งสองประเภท จึงทำให้เจ้าของต้องมีการตั้งเวลาตื่น เพื่อพาสัตว์เลี้ยงไปขับถ่ายนอกบ้าน ก่อนที่จะไปทำงาน การเลี้ยงสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ที่มีวินัยมากขึ้นในการจัดการตารางเวลาของตัวเองไปด้วย

4. ช่วยให้รู้จักเก็บออมมากขึ้น

การเลี้ยงสุนัข แมว มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่ายา วัคซีน ค่าอาหาร ของเล่น ฯลฯ ซึ่งเจ้าของจำเป็นต้องสำรองไว้ให้เพียงพอตลอดเวลา คุณจะลดการใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม รวมถึงการไปปาร์ตี้ที่จะลดลง เพื่อเป็นเงินออมสำหรับค่าใช้จ่ายของสัตว์เลี้ยงมากขึ้นนั่นเอง

5. ทำให้เป็น Youtuber ได้

ปัจจุบันมีคนจำนวนมากเป็น Youtuber จากการอัดคลิปกับสุนัข แมว ซึ่งมีคนติดตามดูเป็นจำนวนมาก โดยจะมีรายได้จากการโฆษณาและสปอนเซอร์ เช่น อาหารสุนัข เครื่องใช้ทำความสะอาดบ้าน ฯลฯ ที่สำคัญ ยังต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงขายในแบรนด์ตัวเองได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสุนัขและแมว มีประโยชน์อยู่หลากหลายด้าน ทั้งต่อความสุขทางผู้เลี้ยง ช่วยในการฝึกนิสัยที่ดีในหลายด้าน เช่น การเก็บออม ความขยัน การมีวินัย ฯลฯ และยังสามารถสร้างรายได้จากการทำคลิป Youtube ได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว คงต้องหาสุนัข แมว มาเลี้ยงบ้างแล้ว

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวหลายประการ

แปลกไหม ทำไมคนเลี้ยงสุนัขและแมวมีบุคลิกตรงกับสัตว์เลี้ยง

คนเลี้ยงสุนัขและแมวมักจะมีพฤติกรรมแตกต่างกัน สังเกตให้ดีจะรู้ได้ว่าคนไหนเลี้ยงน้องหมา คนไหนเลี้ยงน้องแมว เรื่องนี้นักจิตวิทยาเฉลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลก การเลือกประเภทสัตว์เลี้ยงมักจะเข้ากับพฤติกรรมส่วนตัวของเจ้าของ คนเลี้ยงปลาเป็นคนมีความสุขที่สุด คนเลี้ยงสุนัขมักจะเป็นคนมีอารมณ์ขัน เป็นกันเองและเข้ากับคนง่าย คนเลี้ยงแมวมีโลกส่วนตัวและอารมณ์อ่อนไหว ส่วนคนเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานเป็นคนรักอิสระ นั่นเป็นความเห็นจากการประเมินตนเองแต่สะท้อนให้เห็นบุคลิกที่แตกต่างกัน พูดได้ว่าสัตว์เลี้ยงเป็นภาพสะท้อนของตัวเราเอง

บุคลิกภาพของสุนัขแต่ละสายพันธุ์เหมือนกันไหม ?

หลายคนตั้งข้อสงสัยเรื่องนี้ ถ้าเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ต่างกันจะมีบุคลิกภาพต่างกันหรือไม่ แต่ก็มีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับความแตกต่างทางบุคลิกภาพของคนเลี้ยงสัตว์ที่ค่อนข้างสอดคล้องกัน สามารถทำนายได้ว่าใครเป็นเจ้าของสุนัขหรือแมว คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงสุนัขมากกว่าแมว แต่หลายคนก็รักทั้งสุนัขและแมว เพื่อให้การแยกความแตกต่างชัดเจน จึงได้มีการสอบถามคนที่เลี้ยงทั้งสุนัขและแมว เช่นเดียวกับคนที่ไม่ชอบสุนัขและแมว

บุคลิกภาพของคนแมวโดยเฉลี่ยเป็นคนขี้อาย โดดเดี่ยว ไม่ยึดติดกับอะไรจริงจัง มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์อ่อนไหว ขณะเดียวกันก็ชอบผจญภัย เป็นอิสระและพึ่งพาตนเองได้ มีแนวโน้มที่จะอยู่คนเดียวและพักอาศัยในอพาร์ทเม้นท์มากกว่าคนเลี้ยงสุนัข ผู้หญิงโสดคือบุคคลที่น่าจะเลี้ยงแมวมากที่สุด แต่ก็ขี้กังวลและเป็นโรคประสาทมากกว่าคนเลี้ยงสุนัข อาจเป็นเพราะแมวก็มีนิสัยขี้ระแวงเหมือนกัน จึงไม่ทำให้เจ้าของรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยเหมือนกับการมีสุนัขอยู่เป็นเพื่อน

ในทางกลับกันคนเลี้ยงสุนัขจะมีเหตุผล อบอุ่น เป็นกันเอง ชอบเข้าสังคม ชอบแสดงออก เจ้าของสุนัขมีแนวโน้มที่จะเป็นคนเปิดเผย เข้ากับคนง่าย และเป็นมิตรมากกว่าคนเลี้ยงแมว และทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดเหมือนกับนิสัยของเจ้าตูบ ชอบปลอดภัย และไม่ชอบความเสี่ยง เจ้าของสุนัขมีแนวโน้มที่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทมากกว่า ส่วนคนเลี้ยงแมวจะอาศัยอยู่ในเมืองซึ่งก็สะดวกดีเพราะการเลี้ยงแมวใช้พื้นที่ไม่มาก อยู่ในหอพักเล็ก ๆ ก็เลี้ยงแมวได้

คนเลี้ยงสุนัขมักจะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมและมักจะปฏิบัติตามกฎมากกว่าคนเลี้ยงแมว ถ้าเปรียบเทียบกันในแง่การเมืองแล้ว เจ้าของสุนัขมักจะโหวตให้พรรครีพับลิกัน มีนิสัยชอบทำตามกระแส เชื่อฟังและทำตาม ในขณะที่เจ้าของแมวนิยมเลือกพรรคเดโมแครต มีความคิดเป็นของตัวเองและมีแนวโน้มที่จะไม่ลงรอยกับคนอื่น ขณะเดียวกันก็ใจกว้างมากด้วย มีความคิดเปิดกว้าง สนใจสิ่งแปลกใหม่เสมอ คนรักแมวมีความรู้สึกไวและอ่อนไหวส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง แตกต่างจากคนรักสุนัขที่จะเป็นผู้ชายมากกว่า

ความชอบก็เป็นอีกเรื่องที่แตกต่างกัน ตัวอย่างของแฟนคลับวงเดอะบีทเทิล คนรักสุนัขชอบพอล แมคคาร์นีย์ คนรักแมวชอบจอร์จ แฮร์ริสัน นอกจากนั้นยังมีอารมณ์ขันแตกต่างกันด้วย คนรักแมวชอบเรื่องขำขันที่สร้างสรรค์ เพลิดเพลินกับการเล่นคำที่เต็มไปด้วยไหวพริบ ส่วนคนเลี้ยงสุนัขชอบตลกร้ายมากกว่า คนเลี้ยงสุนัขมักจะทนแมวได้แต่คนรักแมวมักจะไม่ชอบสุนัข แล้วตัวคุณเองละเป็นคนแบบไหน

บุคลิกภาพของสุนัขแต่ละสายพันธุ์เหมือนกันไหม