เตียงสำหรับสุนัข ความจำเป็นที่ควรมี

สุนัข เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์อย่างที่เราทุกคนเคยได้ยินมาแบบนั้น และเพื่อนที่ดีที่สุดของเรานั้นสมควรได้รับพื้นที่ขนาดเล็กของเขาเอง ไม่เพียงเพื่อความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย การกระแทกข้อต่อและกระดูก เมื่อสุนัขอายุมากขึ้นจุดที่ทำให้สุนัขสบายตัวของเขาเองจะมีประโยชน์มาก นี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในกรณีของสุนัขที่มีน้ำหนักเกินหรืออาเจียน เตียงสุนัขจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษและกันกระแทกของข้อต่อ คุณสามารถมีเตียงสำหรับสุนัขได้มากกว่าหนึ่งเตียง วิธีนี้สุนัขจะมีพื้นที่หรือจุดของตัวเองในบ้านที่พวกเขาได้รับความเป็นส่วนตัว สุนัขของคุณจะรักที่ในส่วนนั้นแบบที่มนุษย์เองทุกคนก็รักความเป็นส่วนตัว เพื่อนขนยาวของเราควรได้รับความเป็นส่วนตัวด้วยเหมือนกัน

การป้องกันและการรักษาความปลอดภัย สุนัขสามารถหลับได้ทุกที่ก็จริง แต่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาจริงหรือ? สุนัขอาจจะรู้สึกเย็นหรือป่วยถ้าจุดที่พวกเขานั่งหรือนอนไม่สะอาด การมีเตียงสุนัขจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาได้รับการดูแลเรื่องความสะอาดและรักษาความปลอดภัยอย่างดี ปกติแล้วสุนัขเองก็จะรู้สึกทรมานหากว่าต้องเจอกับอากาศเย็นๆเช่นกัน เพียงแต่มันสื่อสารออกมาเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้เท่านั้นเอง และเตียงสุนัขจะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนเพื่อสร้างความอบอุ่น ความสะดวกสบาย และแน่นอนว่าช่วยให้สุนัขสุขภาพที่ดีด้วย

การป้องกันการบาดเจ็บ มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีหากว่าคุณเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์เล็กเพราะคงจะรู้ดีว่ามันละเอียดอ่อนแค่ไหนในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุจนมีอาการบาดเจ็บหากว่าสุนัขของนอนบนเตียงแล้วต้องกระโดดขึ้นลงเพื่อพยายามหาที่นอนที่สบายๆ แต่หากคุณมีเตียงสำหรับสุนัขก็จะสามารถป้องกันการบาดเจ็บประเภทนี้ได้

เตียงหมาน้อย

ชนิดของเตียงสุนัข

  • Super Support Beds
  • Lounging Beds
  • Nestling Beds

ซึ่งการจะเลือกเตียงแบบไหนนั้นอาจจะต้องใช้การสังเกตว่าสุนัขของคุณมีท่าทางหรือลักษณะการนอนแบบไหน สุนัขบางตัวชอบที่จะขดตัว หรือบางคนชอบที่จะนอนยืดตัว ควรใส่ใจสัตว์เลี้ยงคุณบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งเช็คผลบอล 7M อย่างเดียว นี่เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยคุณตัดสินใจเลือกชนิดของเตียงที่ต้องการได้ ถึงเวลาแล้วที่จะให้เพื่อนของคุณได้อยู่บนเตียงที่ทำให้พวกเขารู้สึกสบายและมีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่คนเป็นเจ้าของสุนัขต่างก็อยากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

4 เคล็ดลับ สำหรับการอาบน้ำให้สนุกกับสุนัขของคุณ

4 เคล็ดลับ สำหรับการอาบน้ำให้สนุกกับสุนัขของคุณ

เป็นเรื่องธรรมดาที่สุนัขจะเกลียดการอาบน้ำ แต่อาจมีสุนัขบางตัวที่สามารถหลงรักการอาบน้ำได้เหมือนกันเพียงแต่มันอาจจะหายากอยู่สักหน่อย สำหรับเจ้าของแล้วการอาบน้ำให้สุนัขเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายอยู่เหมือนกัน สุนัขส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบที่จะให้ขนของตัวเองเปียกน้ำด้วย แม้ว่าการอาบน้ำเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสุนัขของคุณ แต่มีวิธีบางอย่างที่จะทำให้ลูกสุนัขของคุณหลงรักการอาบน้ำสุนัขได้เหมือนกัน ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการเปลี่ยนเวลาอาบน้ำที่ดูไม่ดีนักอย่าให้กลายเป็นหมาเเละเเมวจรจัด เเต่ให้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับสุนัขของคุณ

1.ลงทุนในผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง

สิ่งที่แย่ที่สุดที่คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสุนัข ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจระคายเคืองผิวหนังสุนัขหรือแมวของคุณและบางส่วนอาจทำให้เกิดอาการคันซึ่งสัตว์เลี้ยงของคุณเกิดอาการหงุดหงิด ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขของคุณมีประสบการณ์การอาบน้ำที่ดีที่สุดก็ควรลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ดีซึ่งเหมาะกับความต้องการของสุนัขเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายตัวทั้งในขณะอายน้ำและหลังอาบเสร็จแล้ว

2.แผ่นกันลื่น

เมื่อคุณเริ่มอาบน้ำอุ้งเท้าและพื้นจะเปียก และสุนัขจะตื่นเต้นและเริ่มวิ่ง การวิ่งบนพื้นลื่นๆจะกลายเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับสุนัขและอาจทำให้มันได้รับบาดเจ็บ

3.อุปกรณ์อาบน้ำ

เพื่อให้ประสบการณ์การอาบน้ำของสุนัขของคุณดีขึ้น ควรลงทุนในอุปกรณ์อาบน้ำที่ดีที่ออกแบบให้การดูแลอาบน้ำที่ดีที่สุดที่คุณสามารถจ่ายได้ พยายามรับใช้ผ้าขนหนูและเสื้อคลุมที่สบาย ผ้าขนหนูและเสื้อคลุมที่สะดวกสบายจะช่วยให้สัตว์เลี้ยงของคุณรู้สึกถึงความรักและจะช่วยให้พวกเขาสงบลงหลังจากอาบน้ำ

4.ผลิตภัณฑ์กรูมมิ่งสุนัข

ประสบการณ์การอาบน้ำสำหรับสุนัขของคุณจะไม่สมบูรณ์หากคุณไม่ได้ลงทุนในผลิตภัณฑ์กรูมมิ่งที่ดี ให้สุนัขหรือแมวของใช้ครีมนวดแปรงที่ดีที่สุด มีผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น ช่วยกำจัด เห็บ หมัด ซึ่งช่วยให้เจ้าของนำสัตว์เล็กๆเหล่านี้ออกจากขนสัตว์ของสัตว์เลี้ยงได้ นอกจากนี้ยังอาจสามารถลงทุนในแป้งและน้ำหอมสุนัขได้ หากว่าคุณมีงบประมาณที่สามารถจะจ่ายได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

ทั้ง 4 ข้อนี้น่าจะเป็นทางออกสำหรับการช่วยให้สุนัขของคุณรู้สึกดีต่อการอาบน้ำได้มากขึ้น ในช่วงแรกๆนั้นอาจจะยังคงต้องใช้เวลาให้สุนัขเกิดความเคยชิน แต่หากว่าเลือกใช้อุปกรณ์ที่ดีและการอาบน้ำที่ถูกต้องก็น่าจะทำให้การอาบน้ำสุนัขของคุณทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม และก็หมายถึงสุนัขสุขภาพดีเช่นกัน ในขณะที่ตัวเจ้าของเองก็จะทำให้กลายเป็นงานที่ดูไม่น่าเบื่อจนเกินไปด้วย

หากจะเลี้ยงลูกสุนัข ต้องพาไปตรวจสุขภาพหรือไม่?

หากคุณกำลังจะมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ภายในบ้านของคุณ คุณจะต้องใส่ใจทุกรายละเอียดของเขาเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะถ้าหากสัตว์เลี้ยงที่ว่านี้เป็น “ลูกสุนัข” ด้วยแล้ว คุณยิ่งจะต้องใส่ใจและมีการดูแลอย่างเป็นพิเศษเลยทีเดียว เพื่อที่คุณจะได้เตรียมความพร้อมกับการรับลูกสุนัขมาเลี้ยงดูได้อย่างถูกต้อง สิ่งแรก ๆ ที่คุณจะต้องทำนั่นก็คือ พยายามเรียนรู้และทำความรู้จักนิสัย พร้อมทั้งความต้องการของลูกสุนัข และที่สำคัญถ้าหากใครกำลังสงสัยว่า หากเป็นลูกสุนัข จะต้องพาไปตรวจสุขภาพหรือไม่? ขอตอบแบบชัด ๆ เลยค่ะว่า มีความจำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องพาพวกเขาไปตรวจสุขภาพ เพื่อที่คุณจะได้รู้เท่าทันว่าสุขภาพของเขาเป็นอย่างไร และคุณจะต้องดูแลเขาอย่างไรต่อไป

การนำลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพ เพื่อเลี้ยงดูลูกสุนัขได้อย่างถูกต้อง

สำหรับลูกสุนัขแรกเกิด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ของพวกเขาผ่านทางน้ำนมก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงและหายไปเมื่อลูกสุนัขค่อย ๆ โตขึ้น และย่างเข้าสู่วัย 8 – 12 สัปดาห์ นอกเหนือจากนี้เมื่อเวลาผ่านไปและสุนัขไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ภูมิคุ้มกันของพวกเขาอาจจะลดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถป้องกันโรคร้ายแรงได้ในที่สุด

ซึ่งการที่ลูกสุนัขได้รับวัคซีนภายในระยะเวลาที่ดี มีความเหมาะสม ย่อมเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เขามีเกราะป้องกันโรคภัยได้อย่างมากมาย หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นเลี้ยงลูกสุนัข คุณก็ควรที่จะพาพวกเขาไปตรวจสุขภาพเสียก่อน พร้อมทั้งขอคำแนะนำและคำปรึกษาในเรื่องของการฉีดวัคซีน เพื่อที่คุณจะได้มีความมั่นใจผ่านการดูแลพวกเขาได้โดยตรง อย่างน้อยความรู้และความเข้าใจผ่านการดูแลสุขภาพของพวกเขาที่คุณมี จะช่วยทำให้พวกเขาเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี และมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก สำหรับลูกสุนัขตัวไหนที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ พร้อมทั้งมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 8 สัปดาห์ หรืออาจจะ 6 สัปดาห์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของสัตวแพทย์ร่วมด้วย

วัคซีนที่ใช้ฉีดลูกสุนัข สามารถป้องกันโรคติดต่อได้ ดังนี้

– โรคไข้หวัด พร้อมทั้งโรคหลอดลมอักเสบแบบติดต่อ
– โรคไข้หัดสุนัข
– โรคลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัข
– โรคตับอักเสบ
– โรคฉี่หนู
โรคพิษสุนัขบ้า ที่นับได้ว่าอันตรายที่สุด

นอกจากในเรื่องของการฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัขแล้ว คุณจะต้องใส่ใจในเรื่องของความสะอาด พร้อมทั้งคอยป้องกันกำจัดเห็บและหมัดให้อยู่หมัด นอกจากนี้ยังคงมีเรื่องของพยาธิที่สามารถเกิดขึ้นได้ในลูกสุนัขทุกตัว หากมีการป้องกันดี ๆ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพของพวกเขา

อาการไข้ในสุนัข ที่เจ้าของควรรู้เอาไว้

การเลี้ยงสุนัขนั้นไม่ใช่แค่ซื้อมาหรือไปเก็บเอามาเลี้ยงแล้วก็เป็นอันจบ เพราะการดูแลสุนัขทั้งเรื่องอาหารและอาการเจ็บป่วยก็ถือเป็นสิ่งที่เจ้าของสุนัขต้องให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับคน สุนัขนั้นก็สามารถมีอาการเจ็บป่วยได้เหมือนกันโดยเฉพาะอาการไข้ในสุนัข ที่เจ้าของจะต้องคอยสังเกตถึงความผิดปกติว่ามีอะไรที่แปลกไปจากเดิมหรือไม่

ไข้สุนัขคืออะไร ?

อุณหภูมิร่างกายปกติของสุนัขอยู่ระหว่าง 101 ถึง 102.5 ฟาเรนไฮต์ เทียบกับ 97.6 ถึง 99.6 ฟาเรนไฮต์ สำหรับมนุษย์ คำว่า “ไข้” มักใช้เพื่ออธิบายถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นเนื่องจากการติดเชื้อหรือการอักเสบ อุณหภูมิในสุนัขหากมากกว่า 103 องศาฟาเรนไฮต์ก็จะถือเป็น “ไข้สุนัข” เมื่อสุนัขมีอุณหภูมิสูงซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากอุณหภูมิภายนอกที่ร้อนจัดหรือการออกกำลังกายที่มากเกินไปในสภาวะที่มีความชื้น ซึ่งจะเรียกว่าภาวะ hyperthermia หรือ heat stroke เมื่ออุณหภูมิถึง 106 ฟาเรนไฮต์ก็อาจจะเกิด ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงเกิดขึ้นได้

ไข้สุนัขอาการเป็นอย่างไร ?

แม้ว่าอาการจะดูไม่ชัดเจนอาการ แต่ที่พอจะทำให้เจ้าของสังเกตได้ก็คืออาการบางอย่างต่อไปนี้

– ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา
– อารมณ์หดหู่
– ตัวสั่น
– ไม่ค่อยกินน้ำ
– อาเจียน
– ไอ
– คัดจมูก

วิธีเดียวที่จะสามารถบอกได้ว่าสุนัขของคุณมีอุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นหรือไม่คือการวัดไข้ทางทวารหนักของสุนัข ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิตอลที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้ในทวารหนักในสุนัข เครื่องวัดอุณหภูมิส่วนใหญ่ที่มีไว้สำหรับใช้ในหูมนุษย์จะไม่สามารถทำงานได้ดี หากเอามาใช้กับสุนัข

สาเหตุของไข้สุนัข

ความเจ็บป่วยและเงื่อนไขหลายอย่างอาจทำให้สุนัขมีไข้ เช่น

– การติดเชื้อ ซึ่งอาจมีหลายสาเหตุรวมทั้งแบคทีเรียเชื้อราและโรคไวรัส การติดเชื้ออาจอยู่ที่ใดก็ได้ในร่างกายเช่นปอด (โรคปอดบวม) ไต (pyelonephritis) สมอง (encephalitis) หรือแม้แต่ผิวหนัง
– การฉีดวัคซีน อาจทำให้มีไข้เป็นเวลา 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติและเป็นผลมาจากปฏิกิริยา ระหว่างการฉีดและระบบภูมิคุ้มกันของสุนัข
– สารพิษ การบริโภคสารที่เป็นพิษ
– มีบางครั้งที่สาเหตุของไข้สุนัขไม่สามารถรู้ได้ง่ายนัก แต่อาจจะเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ปัญหาไขกระดูกการติดเชื้อ หรือแม้แต่มะเร็ง

หากสุนัขของคุณมีอาการต่างๆเหล่านี้ หากว่ายังไม่ดีขึ้นภายใน 1-3 วัน ก็ควรจะรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว เพราะการได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีจะทำให้ชีวิตของสุนัขปลอดภัยมากขึ้น เพราะบางกรณีหากปล่อยไว้นานๆสุนัขก็อาจจะทำให้สุนัขตายได้ง่ายๆเช่นกัน

การดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว

นอกจากเรื่องของอาหารการกิน พร้อมทั้งความสะอาดและการออกกำลังกาย สุนัขและแมวซึ่งถือได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ ยังคงต้องการการดูแลและเอาใจใส่จากคุณมาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพของพวกเขาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พวกเขาสบายดีหรือเจ็บป่วย การดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว ยังถือได้ว่าเป็นเรื่องที่คุณจะต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก และที่สำคัญการฉีดวัคซีนให้ครบและถูกต้องตามโปรแกรม นับได้ว่าเป็นสิ่งที่คนเลี้ยงสุนัขและแมวจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด วันนี้เราจึงขอยกเรื่องของการดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว ซึ่งถือได้ว่าเป็นความรู้โดยรวมมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

ให้มองหาโรงพยาบาลสัตว์ในพื้นที่ใกล้เคียง

การที่คุณจะเลี้ยงสุนัขและแมว คุณจะต้องมองหาโรงพยาบาลสัตว์ หรือแม้กระทั่งร้านเพ็ทช็อปภายในพื้นที่ใกล้เคียงเอาไว้ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิด 24 ชั่วโมงด้วยแล้ว นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก การที่คุณรู้ข้อมูลเหล่านี้จะส่งผลดีต่อตัวคุณพร้อมทั้งสัตว์เลี้ยงของคุณโดยเฉพาะในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินกับพวกเขาขึ้นมา เพราะคุณจะรู้ทันทีว่าคุณจะสามารถพาพวกเขาไปหาหมอที่ไหน อย่างไรได้บ้างนั่นเอง

พาสุนัขและแมวไปฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน

สิ่งสำคัญที่คุณห้ามพลาดผ่านการดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว นั่นก็คือ คุณจะต้องพาพวกเขาไปฉีดวัคซีนให้ครบตามโปรแกรม โดยเฉพาะวัคซีนตัวสำคัญที่พวกเขาจะขาดไม่ได้ นั่นก็คือ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า หากมีการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นตามระยะเวลากำหนดได้อย่างครบถ้วน พวกเขาจะปลอดภัยเป็นอย่างมาก รวมทั้งผู้เลี้ยงดูด้วยค่ะ

หมั่นดูแลและคอยป้องกันพยาธิและปรสิตต่าง ๆ

ในส่วนของเห็บ หมัด ไร หรือแม้กระทั่งพยาธิ ถือได้ว่าเป็นภัยตัวฉกาจที่สุนัขและแมวมักจะหลีกเลี่ยงไม่ค่อยพ้น เพราะฉะนั้น คุณควรดูแลและใส่ใจในเรื่องนี้ให้มาก โดยเฉพาะถ้าหากสุนัขของคุณออกไปเที่ยวนอกบ้าน และมีความเสี่ยงว่าจะติดพยาธิกลับมา ข้อมูลจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรบอกแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะสามารถดูแลพวกเขาได้อย่างถูกต้องต่อไป

และอีกหนึ่งส่วนของการดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว ซึ่งผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ควรให้ความสนใจ นั่นก็คือ การพาพวกเขาไปทำหมัน เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา โดยเฉพาะในสุนัขเพศเมีย ซึ่งพวกเขามักจะมีโรคร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขาอยู่เสมอ การทำหมันจะช่วยทำให้พวกเขาห่างไกลจากโรคร้ายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างมาก และนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงดูจะต้องรับผิดชอบโดยตรงอีกเช่นเดียวกันค่ะ

การเลือกซื้ออาหารให้กับสุนัขและแมว

กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว มักจะมีวิธีการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไป ตามหลักแล้วไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวก็ตาม พวกเขาย่อมต้องการให้คุณเอาใจใส่เขาในทุก ๆ เรื่อง เพราะพวกเขาก็มักจะมีความคิด ความรู้สึก บวกกับความเข้าใจในบางเรื่องที่ไม่แตกต่างไปจากคนเรา โดยเฉพาะความรักและความเอ็นดูที่พวกเขาต้องการมากที่สุดจากคุณหรือเจ้าของ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพลังและแรงใจที่ดีที่สุดที่พวกเขาอยากจะได้ นอกเหนือจากกำลังใจแล้ว ในสิ่งที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย ความสะอาด หรือแม้กระทั่ง อาหาร ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณจะต้องใส่ใจอย่างมากที่สุดเช่นเดียวกัน และในวันนี้เราจะขอพูดถึงการเลือกซื้ออาหารให้กับสุนัขและแมว

1.อ่านฉลากสักนิดก่อนซื้อ

การเลือกซื้ออาหารให้กับสุนัขและแมว คุณควรเน้นย้ำไปกับอาหารที่ดีและมีคุณภาพสำหรับพวกเขาโดยตรง การอ่านฉลากเพื่อที่จะทำให้คุณรู้ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้างนั้น เป็นส่วนผสมในรูปแบบเนื้อจริง ๆ หรือไม่ หรืออาจจะเป็นส่วนที่เหลือจากเนื้อสัตว์โดยตรง หรือแม้กระทั่งส่วนผสมในรูปแบบธัญพืชก็ตาม ซึ่งจะส่งผลทำให้คุณรับรู้ได้ว่า อาหารสุนัขและแมวในมือคุณนั้น มีคุณภาพและมีโปรตีนดี ๆ สำหรับพวกเขาหรือไม่ อย่างน้อยในเรื่องของสารเติมแต่งสีกลิ่น หากมีน้อยย่อมดีมากที่สุด เพราะฉะนั้น คุณควรอ่านฉลากก่อนซื้อแล้วคุณจะได้อาหารดีและมีคุณภาพสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน

2.ควรให้อาหารกับสุนัขและแมวอย่างเหมาะสม

การให้อาหารคุณควรเน้นย้ำไปกับการให้อย่างเหมาะสมตามสายพันธุ์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นขนาด ช่วงวัย หรือแม้กระทั่งโรคที่เขาเป็น ที่สำคัญคุณควรให้อาหารแก่พวกเขาตรงเวลาทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากคุณให้อาหารแก่พวกเขาเป็นเวลา จะช่วยทำให้พวกเขาได้ฝึกขับถ่ายได้อีกด้วย

3.น้ำ ห้ามขาดอย่างเด็ดขาด

ในส่วนของ “น้ำ” มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าอาหาร และนับได้ว่าเป็นส่วนที่คุณจะลืมไม่ได้ เนื่องจากน้ำไปสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน

ในส่วนของอาหารสุนัขและแมว คุณควรหลีกเลี่ยงที่จะให้อาหารของคนแก่พวกเขา เนื่องจากอาหารของคนเรานั้น อาจจะมีสารอาหารที่มากเกินและเกินความจำเป็นที่พวกเขาต้องการ ส่งผลทำให้พวกเขาเป็นโรคอ้วน ตลอดจนกระทั่งเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง เพราะฉะนั้นควรเน้นให้อาหารของสุนัขและแมวที่เหมาะสมแก่พวกเขาจะดีกว่า เพื่อช่วยให้เขาได้สารอาหารดี ๆ และโปรตีนดี ๆ ที่สำคัญต่อร่างกายของพวกเขา

สถานที่รับฝากเลี้ยงสุนัข อีกหนึ่งที่ที่ปลอดภัย

สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมักจะต้องพบเจอกับปัญหาอย่างหนึ่งที่ว่า หากวันใดวันหนึ่งต้องการที่จะเดินทางเพื่อท่องเที่ยวหรือต้องการที่จะพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมทั้งถ้าหากใครมีธุระด่วนต้องรีบเดินทางหลายวัน สุดท้ายสิ่งที่ต้องกังวลนั่นก็คือ สุนัขและแมวที่อยู่ที่บ้าน เพราะพวกเขาจะไม่มีใครดูแลนั่นเอง แต่สำหรับปัญหานี้ทางเลือกหนึ่งที่เจ้าของจะสามารถแก้ไขได้ นั่นก็คือ การนำสุนัขและแมวไปฝากเลี้ยง อาจจะเป็นญาติ เพื่อน หรือแม้กระทั่งพี่น้อง แต่การแก้ไขด้วยวิธีนี้อาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เนื่องจากบางบ้านอาจจะไม่เคยเลี้ยงสุนัขและแมวมาก่อนเลยก็ยากที่จะดูแลให้โดยตรง สุดท้ายการแก้ไขปัญหานี้ที่ดีที่สุด และนับได้ว่าถูกต้องที่สุด ก็คือ นำสุนัขและแมวไปฝากยังสถานที่รับฝากสัตว์เลี้ยงโดยตรง ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

บริการสถานที่รับฝากสัตว์เลี้ยง อีกหนึ่งบริการดี ๆ

ปกติแล้วสถานที่รับฝากสัตว์เลี้ยง มักจะมีการให้บริการแบบครบวงจรเป็นหลัก โดยมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการดูแลสุนัขคอยให้บริการโดยตรง สถานที่รับฝากสัตว์เลี้ยงจึงกลายเป็นธุรกิจที่ถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อที่จะให้การตอบรับผ่านการดูแลสัตว์เลี้ยง พร้อมทั้งมีการให้บริการในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งหมาและแมว , การตัดขนหมาและแมว , การฝึกหัดสัตว์เลี้ยง พร้อมทั้งการขายหมาและแมว เป็นต้น แต่สิ่งที่สุนัขและแมวจะได้จากที่นี่ นั่นก็คือ ความรักและการดูแลเอาใจใส่โดยตรง โดยเน้นในเรื่องของสุขภาพพร้อมทั้งความสุขที่สุนัขและแมวจะได้รับ นับได้ว่าเป็นการตอบสนองความต้องการให้กับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงโดยตรง หรือ ผู้ที่ติดธุระด่วนและไม่สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงของตนเองได้

ในเรื่องของความปลอดภัยเป็นเลิศ

สถานที่รับฝากสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ จะมีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยพื้นที่เหล่านี้จะไม่มีสารเคมี ไม่มีของมีคมจนทำให้เกิดอันตรายแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเด็ดขาด แถมสัตว์เลี้ยงของคุณจะมีพื้นที่ที่ใช้ในการออกกำลังกาย ทำให้สุนัขและแมวมีความสุขอย่างมากที่สุดนั่นเอง การให้บริการของสถานที่รับฝากสัตว์เลี้ยง กลายเป็นสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ให้กับกลุ่มคนที่รักสัตว์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะมีเรื่องเร่งด่วน ติดธุระหลายวัน ตลอดจนกระทั่งอยากจะฝึกอบรมสัตว์เลี้ยง หรือใช้บริการอื่น ๆ จากสถานที่แห่งนี้โดยตรง คุณสามารถนำสัตว์เข้าไปติดต่อและขอรับบริการได้อย่างที่ไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด

วิธีดูแลรักษาสุนัขและแมวป่วย แบบเบื้องต้น

หากคุณรู้สึกว่าสุนัขหรือแมวตัวโปรดของคุณ กำลังมีอาหารเซื่องซึม ดูผิดปกติ แลดูเหมือนพวกเขากำลังจะป่วย ขอให้คุณพยายามสังเกตอาการเด่น ๆ ของพวกเขา เพื่อที่คุณจะได้รู้ก่อนว่า พวกเขากำลังผิดปกติไปอย่างไรบ้าง หากจำเป็นจะต้องพบแพทย์จริง ๆ คุณก็ควรพาพวกเขาไปพบแพทย์โดยด่วน โดยบอกอาการผิดปกติของพวกเขาอย่างละเอียด เพื่อที่แพทย์จะทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วในเบื้องต้น แต่ถ้าหากสุนัขและแมวตัวโปรดของคุณมีอาการไม่มากเท่าไหร่นัก อย่างเช่น มีอาการซึมเนื่องจากพวกเขาอาจจะเป็นไข้ หรือมีอาการอาเจียน ก็ขอให้ลองสังเกตอาการของพวกเขาดูก่อนสักระยะ โดยในระหว่างนี้คุณสามารถดูแลและรักษาอาการป่วยแบบเบื้องต้นให้กับพวกเขาได้ ดังนี้

หากมีอาการเซื่องซึมเนื่องจากเป็นไข้ ถ่ายเหลว และอาเจียน

หากคุณพบเจอว่าสุนัขและแมวของคุณมีอาการเซื่องซึมเหมือนเป็นไข้ รวมไปถึงพวกเขามีอาการถ่ายเหลว และอาเจียนออกมา การรักษาอาการเบื้องต้นด้วยสมุนไพร คุณสามารถทำได้ด้วยการให้พวกเขากินใบตะไคร้อ่อน แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมกินแบบสด ๆ ก็ควรที่จะต้มและนำน้ำตะไคร้มาป้อนให้กับพวกเขา โดยป้อนทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง ไม่นานอาการของพวกเขาก็จะดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นควรรีบนำพาไปพบแพทย์

กรณีที่สุนัขมีอาการท้องเสียเป็นอย่างมาก

สัตวแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เรางดอาหารและน้ำให้กับสุนัขและแมวทันที อย่างน้อยต้องงดเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อดูอาการ ต่อให้พวกเขาจะมีความกระหายสักแค่ไหน คุณจะต้องพยายามใจแข็งและรอดูอาการของเขาต่อไป หากว่าเขาหยุดถ่ายเมื่อไหร่ อาการของพวกเขาก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากพบว่าสุนัขและแมวทั้งถ่ายและก็อาเจียนไปพร้อม ๆ กัน ควรนำพาไปพบแพทย์โดยด่วน

กรณีที่สุนัขและแมวมีบาดแผลตามร่างกาย

สุนัขและแมวที่มีบาดแผลตามร่างกาย คุณสามารถดูแลรักษาเขาได้ในเบื้องต้น ด้วยการทายาเบตาดีนให้กับเขา ซึ่งจะช่วยป้องกันและไม่ทำให้แผลของเขาลุกลามไปจากเดิม แต่ถ้าหากบาดแผลมีขนาดใหญ่มาก หรือเป็นหนอง ให้ใช้ยาผงเนกาซันโรยที่แผล ซึ่งแผลจะค่อย ๆ แห้งและหายในที่สุด

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการดูแลและรักษาอาการป่วยเบื้องต้นของสุนัขและแมว ซึ่งคุณสามารถทำได้ตามรายละเอียดในข้างต้น แต่ถ้าหากทดลองทำแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรพาสุนัขและแมวตัวโปรดของคุณไปพบแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้วินิจฉัยอาการและรักษาได้อย่างทันท่วงที

รู้หรือยัง? วิธีเลี้ยงและการดูแลสุนัขที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบไปกับการเลี้ยงแมว เลี้ยงสุนัข และอยากจะให้พวกเขามีสุขภาพที่ดี คุณจำเป็นจะต้องใส่ใจในทุก ๆ เรื่องของเขา โดยเฉพาะโภชนาการที่ร่างกายของพวกเขาต้องได้รับ และการพาพวกเขาไปพบสัตวแพทย์อย่างเป็นประจำ การออกกำลังกายที่ดีสำหรับพวกเขา และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณจะต้องใส่ใจ ซึ่งวันนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาไปพร้อม ๆ กัน

1.การเตรียมที่อยู่อาศัย

  • สำหรับสุนัขที่อยู่บริเวณนอกบ้าน คุณจะต้องมีที่บังแสงแดดให้กับพวกเขา และที่บังแสงแดดที่ว่านี้ จะต้องสามารถกันฝน และ ลมหนาวให้กับพวกเขาได้ด้วย
  • สุนัขส่วนใหญ่ มักจะต้องการที่นอนอันแสนอบอุ่นและมีความเย็นสบายภายในตัว
  • หากคุณจะผูกสุนัข คุณควรใช้เชือกหรือโซ่ที่ค่อนข้างยาว และควรระมัดระวังไม่ให้โซ่หรือเชือกพันรอบตัวของพวกเขาด้วย

2.การจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่ม

สุนัขส่วนใหญ่มักจะต้องการสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างแท้จริง พร้อมทั้ง น้ำ คุณจะต้องจัดเตรียมเอาไว้ให้เขาได้ดื่มกินอยู่เสมอ ซึ่งทั้งอาหารและน้ำจะต้องใส่ภายในภาชนะที่สะอาดเท่านั้น และสิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงห้ามให้สุนัขอย่างเด็ดขาด นั่นก็คือ เศษอาหารที่เป็นกระดูกแหลมคม เพราะจะส่งผลทำให้มีสิทธิ์ทิ่มแทงคอของพวกเขา ตลอดจนกระทั่งอาจจะเข้าไปสร้างปัญหาในระบบลำไส้ของพวกเขาได้ในที่สุด

3.การออกกำลังกายของสุนัข

  • การออกกำลังกายของสุนัข ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะจะส่งผลทำให้พวกเขามีร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรงและดูดีได้ตลอดเวลา
  • ไม่ควรผูกสุนัขเอาไว้ตลอดเวลา โดยที่คุณไม่ปล่อยให้เขาได้ออกกำลังกายเลย
  • การพาสุนัขออกไปเดินเล่นในแต่ละวัน หรือ เลือกที่จะเล่นสนุกหรือทำกิจกรรมกับสุนัข นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อพวกเขา และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับสุนัขได้เป็นอย่างมาก

4.อนามัยของสุนัข

ในส่วนของเรื่องอนามัย นับได้ว่าเป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก คุณควรดูแลและใส่ใจพวกเขาอยู่เสมอ ตรวจดูว่าพวกเขามีโรคไร ริ้น และมีหมัดหรือไม่ หากพบว่ามีควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อที่จะรักษาพวกเขาได้อย่างถูกต้อง อีกอย่างในส่วนของพื้นที่การเลี้ยงดู คุณจะต้องดูแลให้มีความสะอาดอยู่เสมอด้วย

นอกจากนี้ คุณควรพาสุนัขไปฉีดวัคซีนต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันโรคชนิดต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขา รวมไปถึงเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดโรค ที่อาจจะเกิดขึ้นกับสุนัขแต่ละตัวได้โดยตรง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้นับได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน ที่กลุ่มคนเลี้ยงสุนัขจะต้องใส่ใจและปฏิบัติอย่างเป็นประจำ เพื่อให้พวกเขาแข็งแรงและมีสุขภาพดี

สุนัข 3 สายพันธุ์ ที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกได้อย่างดีเลิศ

บางครั้งสุนัขที่ดูเหมือนพบเจอคนแปลกหน้าไม่ค่อยได้ เห่าเสียงดังตลอด จริงๆ แล้วพวกเขาอาจจะไม่ได้เห่าเพื่อขู่ แต่พวกเขากำลังเห่าเพื่อที่จะทักทายอย่างเป็นมิตรอยู่ก็ได้ สำหรับบ้านไหนที่ต้องพบปะผู้คน มีผู้คนมาที่บ้านบ่อย คุณอาจจะต้องเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ที่เข้ากับคนได้อย่างง่ายๆ ถึงจะดีที่สุด ซึ่งวันนี้เรามีสุนัข 3 สายพันธุ์ ที่สามารถต้อนรับแขกได้อย่างดีเลิศ

สุนัขสายพันธุ์ เฟรนช์ บลูด๊อก

หมาสายพันธุ์นี้ มักจะมีลักษณะกล้าหาญ ชาญฉลาด และก็มีนิสัยร่าเริงเป็นหลัก ส่งผลทำให้คนไทยส่วนใหญ่ เกิดความสนใจที่จะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพวกมันจะมีขนาดตัวที่เล็ก รูปร่างจะออกกลมๆ ป้อมๆ แถมขายังสั้นอีกต่างหาก ส่งผลทำให้เวลาที่พวกมันเดินนั้น จะดูน่ารักๆ เพราะสะโพกของพวกมันจะส่ายไปส่ายมา แถมจมูกที่ดูสั้น มีลักษณะย่นๆ ปากออกกว้าง ใบหน้าของพวกมันจึงเหมือนกับยิ้มให้กับเราตลอด ที่สำคัญ พวกมันเป็นสุนัขที่เข้ากับคนได้ง่าย เห่าน้อย ทำให้สามารถรับแขกได้อย่างดีเลิศเลยทีเดียว

สุนัขสายพันธุ์ โคตอน เด ทิวเลียร์

โคตอน เด ทิวเลียร์ เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก ขนยาวและนุ่มฟู มาในมาดของสุนัขที่มีนิสัยร่าเริง ฉลาดและว่องไว แถมยังถูกจัดให้เป็นสุนัขสุดแสนจะอารมณ์ดี สามารถปรับตัวได้ง่าย ทำให้เข้ากับคนได้ง่ายมาก ส่วนใหญ่พวกมันจะสามารถสร้างรอยยิ้มได้เก่ง แถมพวกมันยังคงมีพื้นที่ของตัวเองเป็นหลักอีกด้วย

สุนัขสายพันธุ์ เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก

สุนัขสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะฉลาดเป็นอย่างมาก แถมร่างกายของพวกมันก็ยังคงแข็งแรง ถึงแม้จะมีลักษณะใหญ่โต มีความโดดเด่นเฉพาะตัวสูง และยังคงกล้าหาญ แต่ด้วยความที่นิสัยเป็นมิตรและมีความอ่อนโยน ทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้สามารถต้อนรับแขกได้ดีเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาจะไม่ก้าวร้าว และไม่ขี้อาย ทำตัวสง่าผ่าเผยเป็นหลักอีกด้วย

และนอกจากสุนัขทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ ที่สามารถต้อนรับแขกให้กับเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังคงมีสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลายสายพันธุ์ ที่มีนิสัยเป็นมิตร มีความอ่อนโยน สง่างาม และรักความสงบ ซึ่งเข้ากับผู้คนได้เป็นอย่างดีอีกเช่นกัน หากบ้านไหนหรือใครที่ต้องต้อนรับแขกเยอะๆ ก็อย่าลืมศึกษารายละเอียดของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ด้วยนะคะ เพราะคุณจะต้องเลี้ยงสุนัขที่เป็นมิตรกับคน ถึงจะดีที่สุด