พฤติกรรมแมวก้าวร้าวฉี่เรี่ยราดไปทั่ว แก้ไขอย่างไร

คนเลี้ยงแมวจำนวนไม่น้อยระอากับพฤติกรรมแมวตัวผู้ที่มักจะพ่นฉี่แสดงอาณาเขตไปทั่ว เมื่อมีแมวตัวอื่นเข้ามาล้ำเขตที่จองไว้จะแสดงอาการดุร้ายโจมตี พบปัญหานี้ต้องรีบแก้ทันที หากปล่อยไว้ยิ่งบานปลาย

โดยปกติเราเข้าใจว่าแมวเป็นสัตว์รักสันโดษและเฉยเมยไม่ค่อยแสดงอารมณ์ให้เห็นเหมือนสุนัข พฤติกรรมฉี่ไปทั่วคล้ายกับการอิจฉาแบบนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าแมวมีความรู้สึกอย่างไร เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างเดาใจยาก เหตุผลแท้จริงของการฉี่จองเขตแดนน่าจะเป็นเรื่องสัญชาตญาณการเอาตัวรอดมากกว่า เป็นธรรมชาติของสัตว์ที่จะต้องแข่งขันแย่งชิงพื้นที่อยู่ อาหาร และน้ำ หากเลี้ยงแมวหลายตัวในบ้าน โดยเฉพาะตัวผู้ที่ยังไม่ทำหมันจะรู้สึกว่ามีการแข่งขันกันเอง นั่นคือสาเหตุที่เจ้าเหมียวจะฝากรอยฉี่ทิ้งกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้าน

นิสัยแมวก้าวร้าวที่ชอบฉี่ไม่เป็นที่

แมวมักจะพ่นสเปรย์ฉี่ตามกำแพงหรือพื้น เหนือชามอาหาร หรือสถานที่หลับนอนสุดโปรด อธิบายได้ว่าเป็นการปกป้องสิ่งของจำเป็นในชีวิต หลายตัวมีพฤติกรรมก้าวร้าว คำรามข่มขู่ หากมองว่าตัวไหนเป็นคู่แข่งจะตบแย่งชิงอาณาเขตกัน ส่วนตัวที่โดนขู่ โดนตบทำร้ายแรง ๆ จะมีพฤติกรรมแตกต่างกันไป บางตัวไม่กินอาหารและซ่อนตัวตลอดเวลา บางตัวจะปีนป่ายไปทั่วเพื่อเรียกร้องความสนใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับแมวที่เลี้ยงไว้ในบ้านหลายตัว

บางกรณีไม่ได้เกิดจากแมวด้วยกัน แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน มักจะเกิดขึ้นหลังการตกแต่งบ้านแล้วเจ้าเหมียวฉี่ใส่เฟอร์นิเจอร์และของใช้ใหม่ หลังเปลี่ยนกระบะทรายแมว หรือกลับจากไปหาสัตว์แพทย์ แมวจะแสดงอาณาเขตทันทีที่เพิ่งมีเด็กทารกเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แขกมาเยี่ยมเยียน หรือแมวจรเข้ามาสำรวจบ้าน เจ้าเหมียวจะรู้สึกอึดอัด เครียด จะเริ่มพ่นแสดงอาณาเขตได้เหมือนกัน ต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าเกิดจากสิ่งใด เมื่อจับทางได้แล้วก็จะแก้ปัญหาการพ่นฉี่ได้ง่ายขึ้น

ในกรณีที่ต้องการนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เข้าบ้าน แนะนำว่าควรแยกเลี้ยงคนละห้องซักระยะหนึ่ง จัดหาที่อยู่ที่นอน อาหาร ของเล่นและอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับเจ้าตัวใหม่โดยเฉพาะ ไม่ให้แมวเจ้าถิ่นรู้สึกว่าถูกคุกคาม จนกระทั่งรู้สึกว่าคุ้นเคยกับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่แล้ว ค่อยแบ่งปันกันใช้อุปกรณ์และเลี้ยงร่วมห้องเดียวกัน หมั่นแสดงความรักและความใส่ใจเป็นพิเศษ ทำให้พฤติกรรมการหวงแหนจนต้องพ่นฉี่ไปทั่วลดลงได้เช่นเดียวกันนิสัยแมวก้าวร้าวที่ชอบฉี่ไม่เป็นที่

นิสัยฉี่เรี่ยราดเป็นปัญหากวนใจที่ไม่ควรละเลย เพราะความก้าวร้าวจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งอาจมีผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในบ้าน อย่าปล่อยให้แมวในบ้านต่อสู้กันเองจะทำให้ปัญหายิ่งแย่ลง พยายามแยกออกจากกันด้วยน้ำหรือเป่านกหวีดเพื่อเบนความสนใจ ไม่ควรลงโทษรุนแรงเพราะจะทำให้แมวก้าวร้าวมากขึ้น พยายามทุกทางแล้วยังไม่ดีขึ้นควรมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

หากตรวจสอบและแก้ปัญหาแล้ว แมวยังฉี่สะเปะสะปะ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว หรือแอบซ่อนตัวบ่อย ๆ อาจไม่ได้เป็นผลมาจากการแข่งขันกับตัวอื่น ควรพาไปหาสัตว์แพทย์เพื่อตรวจสอบว่าเกิดจากความเจ็บป่วยหรือไม่ อาจเกิดขึ้นได้จากปัญหาสุขภาพร่างกายก็เป็นได้

การมองเห็นและประสาทสัมผัสอื่น ๆ ของ สุนัข แมว เหมือนคนเราไหม

การมองเห็นและประสาทสัมผัสอื่น ๆ ของ สุนัข แมว

การใช้ประสาทสัมผัสด้านการมองเห็น ดมกลิ่น การได้ยินของ สุนัข แมว จะเหมือน หรือต่างจากคนเราเพียงใด เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้วิจัยและค้นหาคำตอบมาอย่างต่อเนื่อง และนำมาซึ่งเรื่องน่าสนใจที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้

สีที่สุนัข แมว มองเห็นต่างจากคนอย่างไร

ในดวงตาของสุนัข จะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่รับแสง หรือ cone cell 2 ชนิด ซึ่งต่างจากคนที่มี 3 ชนิด จึงทำให้จำนวนสีที่สุนัขมองเห็นได้น้อยกว่า เช่น ไม่สามารถแยกความแตกต่างของสีน้ำตาล , เหลืองอ่อน-เข้ม , ฟ้าอ่อน-เข้ม ได้ ส่วนแมวก็มีความต่างออกไปอีก คือ จะเห็นสีเขียวและฟ้าชัดเจน แต่จะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างสีแดงสดกับสีโทนชมพูได้

ระยะหรือความไกลที่สุนัข แมว รับรู้ภาพได้เป็นเช่นไร

เมื่อเทียบกับสายตาของคนปกติแล้ว สุนัขจะมีสายตาที่เห็นได้ระยะสั้นและคมชัดน้อยกว่าคนในช่วงเวลากลางวัน จึงทำให้ต้องใช้ประสาทสัมผัสทางจมูกช่วยแยกกลิ่น แต่ในช่วงเวลากลางคืน สุนัขจะมีเซลล์ชื่อ rod cell เพื่อช่วยในการมองเห็นดีกว่าคน ทั้งยังมีส่วนที่เรียกว่า Tapetum lucidum ที่ทำหน้าที่สะท้อนแสงเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นให้ชั้นเรตินา จึงทำให้เราเห็นดวงตาสุนัขมีความแวววาว และเห็นสิ่งที่คนเราไม่เห็นในที่มืดสลัว

ส่วนแมว จะมีข้อจำกัดที่การเห็นภาพจะอยู่ในระยะแค่ 6 เมตร และวัตถุที่อยู่ตรงกลางจมูกแมวจะเห็นภาพเบลอ ๆ ไม่ชัด ส่วนในยามกลางคืน แมวจะมีเซลล์รับแสงและกลไกช่วยสะท้อนแสงเช่นเดียวกับสุนัข จึงเป็นประโยชน์ในการล่าสัตว์เล็ก เช่น หนู แมลงสาบ ซึ่งเป็นไปตามสัญชาติญาณนักล่านั่นเอง

ทักษะอื่นๆ ที่ช่วยในการมองเห็นของสุนัข แมว

นอกจากสุนัข แมวจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และป้องกันตัวจากสิ่งแปลกปลอมด้วยการใช้ดวงตาที่มองเห็นได้ดีกว่าคนเราในยามค่ำคืนแล้ว ยังมีทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นในการอยู่รอด เช่น การใช้จมูกดมกลิ่น เราจะสังเกตได้ว่าสุนัขและแมวที่สุขภาพดีจมูกมักจะเปียก และตัวของมันก็มักเลียจมูกตัวเองบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์รับกลิ่น ซึ่งมีการวิจัยพบว่าสุนัขมีความละเอียดในการแยกแยะกลิ่นมากกว่าคนเราถึง 1,000 เท่า ส่วนแมวมีความไวของประสาทรับกลิ่นราว 10 เท่าของคน

ส่วนเรื่องการได้ยิน มีการศึกษาเปรียบเทียบพบว่าแมวมีประสาทสัมผัสด้านเสียงดีกว่าสุนัขและคนเรานับ 10 เท่า และจะมีการควบคุมกล้ามเนื้อที่ใบหูเพื่อเป็นเหมือนจานดาวเทียมรับแรงสั่นสะเทือนและความถี่ต่าง ๆ ที่มากระทบ จึงเป็นทักษะที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเป็นนักล่าตามธรรมชาติและทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรู้ประจำบ้านนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า ธรรมชาติมีการออกแบบและวิวัฒนาการประสาทสัมผัสด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้กลิ่น การได้ยินทั้งของสุนัข แมว เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตรอด และสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม จนกลายมาเป็นเพื่อนแสนรู้สี่ขาของคนเราตลอดจน ปัจจุบันนี้

7 อาหารต้องห้ามสำหรับน้องแมว ที่คนเลี้ยงแมวต้องรู้…

เชื่อว่าหลายครอบครัวที่เลี้ยงน้องแมว รักและดูแลพวกเขาเหมือนกับเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งในครอบครัว รวมถึงเรื่องอาหารการกินที่อาจให้อาหารอื่นๆ ที่นอกเหนือจากอาหารเม็ดสำหรับแมวร่วมด้วยนั้น หากให้อาหารน้องแมวอย่างถูกต้องก็ถือว่าดีไป แต่หากว่ากำลังให้อาหารหรือป้อนยาอย่างผิดๆ ก็จะกลายเป็นโทษต่อร่างกายของน้องแมวได้ ทั้งในแบบสะสมค่อยเป็นค่อยไป หรืออันตรายแบบเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นก่อนที่เราจะให้อาหารน้องแมวอย่างผิดๆ จนเกิดเหตุที่น่าเสียใจขึ้น เราจึงควรมาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันว่า อาหารต้องห้ามสำหรับน้องแมวสุดรักของเรานั้นมีอะไรบ้าง จะได้หลีกเลี่ยงได้ทันเสียตั้งแต่วันนี้

1.นมวัว – เนื่องจากในร่างกายของน้องแมวไม่มีเอนไซม์ที่สามารถย่อยนมวัวได้ การให้นมวัว จึงไม่ส่งผลดีต่อน้องแมวอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้น้องแมวเกิดอาการท้องเสียได้ง่าย รบกวนระบบการย่อยอาหารและการทำงานของลำไส้โดยรวมทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหากจะป้อนนมให้กับลูกแมว ควรให้เป็นนมสำหรับลูกแมวโดยเฉพาะ หรือหากเป็นยามฉุกเฉินที่ไม่สามารถหานมสำหรับลูกแมวได้จริงๆ ก็ควรเลือกนมแพะมาป้อนไปก่อน จากนั้นค่อยรีบหานมสำหรับลูกแมวมาป้อนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2.ช็อคโกแลต – ในช็อคโกแลตมีสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายของน้องแมวปนอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความหวานที่เกินพอดี สารพิษสำหรับน้องแมว และคาเฟอีนที่จะส่งผลโดยตรงต่อหัวใจของน้องแมว ดังนั้นจึงควรระวัง ถึงน้องแมวจะมาสะกิดขอลองชิม ก็อย่าป้อนให้น้องแมวเด็ดขาดเชียวนะ

ก้างปลา ไม่ได้ดีต่อแมว

3.ก้างปลา – แน่นอนว่าปลานั้นเป็นของชอบของน้องแมว แต่ไม่รวมถึงก้างปลาที่สามารถทำอันตรายกับคอ ทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารของน้องแมวอย่างแน่นอน ทุกครั้งที่ให้ปลากับน้องแมว ควรแกะก้างปลาออกก่อนให้หมด บางทีคิดเอาเองว่าแมวเลาะก้างได้เอง โยนปลาทิ้งไว้แล้วหนีไปดูทีเด็ดบอลออนไลน์พักใหญ่กลับมาดูแมวสุดที่รักอาจชักเพราะก้างติดคอได้เหมือนกัน รวมถึงโอกาสที่ก้างปลาจะไปสร้างความระคายเคืองให้กับ คอ ทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารนั้นมีมาก อาจแสดงอาการด้วยการไอแบบมีเลือดปนออกมาได้

4.ยาพาราเซตามอล – ข้อนี้ขอทำเครื่องหมายดอกจันไว้เลยว่า *อันตรายมาก* ห้ามให้น้องแมวกินยาพาราเซตามอลโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ เนื่องจากพาราเซตามอลจะเข้าไปทำลายตับและไต ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก เกิดอาการไตวาย ระบบหมุนเวียนเลือดพัง อันตรายถึงชีวิต

5.ไข่ดิบ – อาจเป็นอันตรายที่ไม่เฉียบพลัน แต่เป็นอันตรายที่สะสมในร่างกายของน้องแมว เนื่องจากในไข่ดิบมีแบคทีเรียหลายชนิด หนึ่งนั้นคือ แบคทีเรียอีโคไล ที่ทำให้น้องแมวท้องเสียท้องร่วงได้ง่ายมาก ระบบการย่อยอาหารและลำไส้จะรวนไปหมด ทางที่ดีอย่าให้น้องแมวกินไข่ดิบจะดีกว่า

6.องุ่น – อย่ามองว่าองุ่นไม่มีพิษภัย แบ่งให้น้องแมวชิมก็ได้ไม่อันตราย เพราะแท้จริงแล้วองุ่นมีผลโดยตรงต่อไตของน้องแมว มีโอกาสที่จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน นำไปสู่อาหารไตวาย มีอันตรายถึงชีวิต

รอบรู้เรื่องการย่อยอาหารในแมวเหมียว

7.ของทอด – โดยทั่วไปของทอดจะมีสารปรุงรสในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ซึ่งระบบร่างกายของน้องแมวไม่สามารถขับไล่สารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมนุษย์ จึงทำให้ระบบไตทำงานหนักมากจนเกินไป และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในน้องแมวได้อีกด้วย

อาหารหลายชนิด เราคิดกันไปเองว่าน้องแมวกินร่วมกับพวกเราได้ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ แถมยังเป็นอันตรายต่อร่างกายของน้องแมวที่เรารักอีกด้วย ดังนั้นคนเลี้ยงแมวจึงควรศึกษาและใส่ใจในเรื่องของอาหารการกินสำหรับน้องแมวให้ดี จึงจะสามารถเลี้ยงดูน้องแมวให้มีสุขภาพที่แข็งแรง อยู่กับพวกเราอย่างมีความสุขไปได้อีกนานๆ

ความสุขสร้างได้ แค่เลี้ยงสุนัขกับแมว

หลายคนเลี้ยงสุนัขและแมวไว้ในบ้าน รู้สึกว่าเติบเต็มครอบครัวให้มีความสุขและอบอุ่นมากขึ้น เป็นเรื่องจริงทีเดียว ผลการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงในสหราชอาณาจักรบ่งชี้ว่าการรับสุนัขและแมวเข้ามาเลี้ยงดูแล เป็นปัจจัยบวกทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ จากการศึกษาพบว่าการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงช่วยเพิ่มระดับความสุขและความสำเร็จในชีวิตมากขึ้นอีกระดับ ผู้เชี่ยวชาญที่สำรวจเจ้าของสุนัขและแมว 1,000 คนที่มีอายุเกิน 55 ปีและผู้ใหญ่วัยเดียวกันที่ไม่เลี้ยงสัตว์จำนวน 1,000 คนเท่ากัน พบว่าผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิต กลุ่มคิดบวกมีจำนวนมากเป็นสองเท่าของผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ชนิดใดเลย ผู้วัยเกษียณที่มีสัตว์เลี้ยงต่างก็มีรายได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัขและแมว

นอกจากนี้คนรักสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะแต่งงาน มีบุตร จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยและได้งานที่ดีทำตามความฝัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงยังทำกิจกรรมออกกำลังกายมากเกือบสองเท่าของคนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ สุขภาพดีกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเล่นกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มอัตราการเต้นหัวใจ เลือดสูบฉีดแรง พาสุนัขไปเดิน เล่นกับแมว กระตุ้นการออกกำลังกายและทำให้มีความสุขมากขึ้น เป็นผลดีทั้งกับสัตว์เลี้ยงและผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของสุนัขและแมว 9 ใน 10 เชื่อว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเป็นเพื่อนที่ส่งเสริมกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ จึงเจียดเวลาเล่นสนุกกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ

งานวิจัยเรื่องการเลี้ยงสุนัข แมวส่งผลดีต่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงสนับสนุนให้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี เริ่มต้นเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนเพราะเห็นประโยชน์ในเชิงบวกได้มาก แม้แต่บ้านพักคนชราชั้นนำในสหราชอาณาจักรยังพิจารณานำสัตว์เลี้ยงเข้ามาช่วยบำบัดความเหงาให้ผู้สูงวัย ยอมรับให้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับการฝึกฝนให้มีมารยาทดีเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เพื่อให้เจ้าของได้เพลิดเพลินกับสุนัข แมวและใช้ชีวิตในช่วงปีที่เกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ บางกรณีมีการนำสุนัขและแมวที่เป็นโครงการอาสาสมัครเข้ามาให้ความบันเทิงกับผู้สูงวัยที่บ้านพักคนชราด้วย

นักวิจัยอธิบายว่าสัตว์เลี้ยงทำให้เจ้าของมีความสุข สนุกและหัวเราะมากขึ้น ผ่อนคลายความเหงาและบรรเทาความเครียดได้ เจ้าของสุนัขและแมวเกือบครึ่งยอมรับว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคุยแก้เหงา ได้พูดคุยปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึก คนชราถึง 16% ในผลการสำรวจนี้ยอมรับว่าถ้าไม่มีสัตว์เลี้ยงไว้คุยด้วยแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้จะคุยกับใคร คนชรากว่าครึ่งของการสำรวจนี้ไม่เคยรู้สึกเหงาเพราะมีเพื่อนรักสี่ขาคอยเป็นเพื่อนอยู่แล้ว สุนัขและแมวช่วยกระตุ้นให้ผู้สูงวัยลุกขึ้นออกกำลังกาย หลายคนบอกว่าสัตว์เลี้ยงทำให้พวกเขามีจุดมุ่งหมายในชีวิต มีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกัน ไม่ได้ตื่นมาแล้วรู้สึกว่างเปล่าอีกต่อไป

สุนัข แมว เป็นโรคอ้วน อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

คุณเคยสงสัยไหมว่า สุนัข แมว ตัวกลมน่ากอดของคุณเป็นโรคอ้วนหรือเปล่า แมวเป็นโรคเบาหวาน สุนัขป่วยโรคมะเร็ง นกมีคอเลสเตอรอลสูง หรือแม้แต่กระต่ายที่ก้มลงเลียขนทำความสะอาดตัวเองไม่ได้ ทุกตัวเป็นโรคอ้วนเหมือนกันหมด เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ น้ำหนักเกินและโรคอ้วนเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหานี้พบมากในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก

ดร. เออร์นี วอร์ด สัตวแพทย์ ผู้ก่อตั้งสมาคมป้องกันสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสาร อธิบายว่า เรากำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เพราะสัตว์เลี้ยงเกือบทั้งหมดในสหรัฐมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน สถิติล่าสุดเห็นชัดว่าสุนัขประมาณ 54% และแมว 59% มีพิกัดน้ำหนักเกินมาตรฐาน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์เลี้ยงเป็นโรคอ้วนแล้ว สำหรับสัตว์เลี้ยงทั่วไป เช่น สุนัข แมว แนะนำให้ดูไขมันหน้าท้อง ถ้าพุงย้วย ท้องห้อยหรือลากบนพื้น จับคลำไม่เจอซี่โครง มีแต่ชั้นไขมันนุ่ม ไม่เห็นเอว เริ่มส่อเค้าปัญหาโรคอ้วนแล้ว แต่ถ้าเป็นสัตว์แปลก เช่น นก กระต่าย หรือหนูตะเภา อาจจะสังเกตยาก ต้องไปหาสัตว์แพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านสัตว์แปลกโดยเฉพาะ

การตรวจสอบว่าสัตว์เลี้ยงมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนหรือไม่ สัตวแพทย์ประเมินด้วยวิธีเช็คน้ำหนักส่วนเกิน เรียกว่า Body Condition Score หรือ BCS ซึ่งแบ่งความสมบูรณ์ของร่างกายออกเป็นระดับ อ้วนเกินไปไม่ได้และผอมเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน ทุกวันแมวเซเลบล้วนอ้วนท้วนน่ากอด ทำให้เจ้าของหลายคนบ่นกับสัตวแพทย์ว่า น้องผอมเกินไป ทำยังไงดี ทั้งที่จริง สุนัข แมว นั้นมีสุขภาพสมบูรณ์กำลังดี คุณอาจไม่รู้ว่าหมาแมวอ้วนที่ต้องควบคุมอาหารและลดความอ้วนนั้นเป็นงานหนัก เวลาเดินจะเห็นความลำบาก เหนื่อยง่าย เพราะพกน้ำหนักและไขมันส่วนเกินในช่องท้องไว้ตลอดเวลา ถ้าเจ้าของไม่ดูแลอย่างถูกวิธีจะอ้วนได้กระทั่งกระต่ายและนก น่าเศร้าที่สุดคือสัตว์เลี้ยงที่อ้วนจนยืนไม่ไหว ได้แต่นั่งหรือนอนหมอบอยู่ท่าเดียว ไม่คล่องตัว ไม่ปราดเปรียวและซุกซนเหมือนแต่ก่อน

โรคอ้วนในสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

สัตว์น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และไม่น่ารัก เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้อายุสั้น การรักษาก็เสียเวลาและราคาแพง ละลายทรัพย์ในกระเป๋าสตางค์ไปไม่น้อย สัตว์เหล่านั้นจะทุกข์ทรมานจากน้ำหนักเกิน อาจเป็นโรคเบาหวาน , โรคความดันโลหิตสูง , โรคไต , โรคมะเร็ง , โรคกระดูกและข้ออักเสบจะเห็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยคือโรคข้อเข่าเสื่อมทำให้เจ็บปวดและเป็นอัมพาตได้ สำหรับสัตว์เลี้ยงที่แปลก เช่น นก อาจเกิดปัญหาโรคหัวใจและแพทย์ไม่สามารถผ่าตัดหัวใจได้ ดังนั้นเจ้าของควรจะป้องกันและจัดการควบคุมน้ำหนักสัตว์เลี้ยงให้ดี ถ้า สุนัข แมว เริ่มอวบอ้วนเกินมาตรฐาน ควรพาไปตรวจเลือดและตรวจสุขภาพ ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสมเช่นเดียวกับ เพื่อลดน้ำหนักส่วนเกินและรักษาร่างกายให้แข็งแรง

แนะนำว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ว่าจะให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยงปริมาณมาน้อยขนาดไหน หากทนเสียงออดอ้อนไม่ไหว อาจทดแทนด้วยของว่าง เช่น แครอท , ถั่วเขียว , ผักกาดหอมหรือผักอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เจ้าของต้องพาสัตว์เลี้ยงไปออกกำลังกาย กระตุ้นให้ตื่นเต้นและวิ่งสนุกไปรอบ ๆ ช่วยให้แข็งแรงและคุณภาพชีวิตดีขึ้น คุณควรสอบถามเรื่องน้ำหนักสัตว์เลี้ยงทุกครั้งที่ไปพบสัตวแพทย์ ถ้าแพทย์ท่านใดละเลย ไม่ต้องการจะคุยเรื่องนี้ ให้หาสัตวแพทย์คนใหม่ได้เลย

สุนัขเป็นโรคอ้วน

แบ่งปันเตียงให้ สุนัข แมว มีผลดีผลเสียอย่างไร

หลายคนยอมแบ่งปันเตียงให้สัตว์เลี้ยงนอนด้วย แต่ยังสงสัยว่าจะมีปัญหาสุขภาพหรือไม่ ช่วยให้คนหลับยากรู้สึกอุ่นใจ นอนเต็มอิ่มและหลับง่ายขึ้นจริงหรือ เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ให้ คำตอบขึ้นอยู่กับว่าคุณนอนกับ สุนัข แมว บ่อยแค่ไหน สมาคมสินค้าสัตว์เลี้ยงแห่งอเมริการายงานว่า ครอบครัวคนอเมริกันกว่า 60% มีสัตว์เลี้ยง ประมาณครึ่งหนึ่งแบ่งห้องให้สัตว์เลี้ยงนอนด้วย เจ้าของกว่า 45% ให้สุนัขนอนบนเตียง มีเพียง 17% ใช้ที่นอนสุนัข ส่วนแมวจะใกล้ชิดกับคนมากกว่า เจ้าของแมวที่เป็นผู้ใหญ่ 45% ให้แมวบนเตียง และอีก 13% ให้แมวนอนกับเด็ก เทียบกับในฝรั่งเศสและเยอรมนี มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพียง 30% ชอบนอนกับ สุนัข แมว ส่วนสเปนมีเพียง 14% เท่านั้น

ความรู้สึกปลอดภัย การแชร์เตียงกับสัตว์เลี้ยงทำให้รู้สึกปลอดภัยทั้งทางอารมณ์และร่างกายในเวลากลางคืน เป็นเหตุผลที่หลายคนเลี้ยงสุนัขให้นอนใกล้ชิดกับตัวในขณะที่หลับซึ่งเป็นช่วงที่กำลังอ่อนแอที่สุด สัตว์เลี้ยงสามารถทดแทนคนที่อาศัยอยู่คนเดียว หรือเมื่อคู่รักอยู่ห่างออกไป

ลดความเครียด โรคนอนไม่หลับทำให้เครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล อารมณ์เสีย สัตว์เลี้ยงช่วยให้สงบอกสงบใจและคลายความวุ่นวายทางอารมณ์ ช่วยลดความเครียดและหลับสบายในเวลากลางคืน

อบอุ่นและสบายใจ สัตว์เลี้ยงมีอุณหภูมิร่างกายที่อุ่นกว่าเรา เป็นเหมือนผ้าห่มที่อบอุ่น การหายใจเป็นจังหวะช่วยให้รู้สึกสบายใจ

ผูกพันกันมากขึ้น สุนัข แมว ชอบอยู่ใกล้เจ้าของ ยิ่งได้นอนหลับด้วยกันทำให้มีความสุขเช่นกัน เกิดความรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น

ถ้ามองมุมกลับกัน ศูนย์นิทราเวชศาสตร์ที่เมโยคลินิกในเมืองสก็อตเดล มลรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เจ้าของส่วนใหญ่ชอบให้สัตว์เลี้ยงอยู่ด้วย รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย นอนหลับง่ายขึ้น แต่กลับเป็นว่าผู้ป่วยที่นอนไม่หลับและเข้ารักษาตัวมากกว่าครึ่งมีปัญหาสัตว์เลี้ยงรบกวนให้ตื่นกลางดึก ทำให้นอนไม่เต็มอิ่ม คุณภาพการนอนไม่ดี

ขัดจังหวะการนอนหลับ เวลาหมา แมวขยับตัวจะปลุกให้รู้สึกตื่นขึ้น รบกวนการนอนหลับในเวลากลางคืน เรื่องนี้แก้ไขได้โดยใช้ที่นอน ให้อยู่ในห้องได้ แต่ไม่ใกล้จนเกินไป

เป็นก้างขวางคอคู่รัก สัตว์เลี้ยงเข้ามาขวางทำให้คู่รักห่างเหินกัน ต้องฝึกให้นอนหลับได้ทุกที่ นอนข้างเตียงก็ได้

คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรหลีกเลี่ยงการนอนกับสัตว์เลี้ยง เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยติดเชื้อโรคในสัตว์ป่วย ถ้าคุณกำลังเป็นไซนัส สัตว์เลี้ยงจะพยายามช่วยโดยการเลียน้ำมูกให้เปรอะเปื้อนเชื้อไซนัสกระจายไปทั่วใบหน้า เสี่ยงเกิดโรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS) หรือเสี่ยงถูกกัดโดยไม่ตั้งใจ เพราะถ้า สุนัข แมว อาจเผลอทำร้ายเวลาฝันร้ายละเมอ ไม่ควรปล่อยให้นอนบนเตียงเดียวกับเด็กเล็ก

การนอนร่วมเตียงกับสัตว์เลี้ยงอาจเสี่ยงโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน ซึ่งแม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเป็นไปได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและปรสิต แม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่เป็นไปได้ โรคแมวข่วนติดต่อจากหมัดแมวกัดเกิดการอักเสบรุนแรงที่ตับและม้าม อาจทำให้เสียชีวิตได้

ทำยังไงดีเมื่อแมวหายออกจากบ้าน

ทำยังไงดีเมื่อแมวหายออกจากบ้าน

สิ่งที่ทำให้คนที่เลี้ยงแมวต้องเป็นทุกข์ที่สุดนอกจากเรื่องของอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆที่มีอยู่มากมายแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำของคนที่เลี้ยงแมวมีโอกาสที่จะได้เจอก็คือปัญหาเรื่อง “แมวหายออกจากบ้าน” ออกจากบ้านนั่นเอง แต่จะทำยังไงดีหากว่าแมวของคุณอยู่ๆหายไปจากบ้านนานๆ

1. ใจเย็นๆ – หยุดการตำหนิตนเองหรือคนในบ้านและหายใจเข้าลึกๆ เพราะคุณจำเป็นต้องใช้สติปัญญาทั้งหมดของคุณเพื่อทำตามขั้นตอนที่มีความจำเป็น

2. ตรวจค้นให้ทั่วบ้าน – ตรวจสอบบ้านของคุณจากบนลงล่าง ห้องใต้หลังคา(ถ้ามี),ตู้เสื้อผ้า,ลิ้นชักและห้องต่างๆที่อยู่ในบ้านทั้งหมด เพราะบางทีมันอาจจะกำลังขดตัวอยู่ใกล้ๆแต่ไม่ได้ออกมาเวลาที่คุณเรียกก็ได้ เพราะมีหลายกรณีมากที่แมวไม่ได้หายไปไหนแต่อาจมีความผิดปกติบางอย่างจนอาจเลือกใช้วิธีการซ่อนตัวอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านที่มันรู้สึกว่าปลอดภัยนั่นเอง

3. สอบถามเพื่อนบ้าน – เป็นไปได้มากเช่นกันว่าแมวอาจจะกระโจนออกไปจากบ้านเพื่อไปเที่ยวเล่นอยู่รอบๆบริเวณใกล้ๆที่เป็นเพื่อนบ้าน ลองวอบถามดูให้แน่ใจว่าพบเห็นหรือไม่ ถ้าเห็นครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่

4. นำของเล่นที่แมวชอบติดตัวไปด้วย – หากจะไปค้นหาแมวที่หายตัวไปและอาจจะกำลังซ่อนตัวอยู่ให้นำของเล่นหรือสิ่งของที่แมวของคุณชอบนำติดตัวไป เพราะหากว่ามันซ่อนตัวอยู่เพราะความกลัวของเล่นที่มีกลิ่นจะทำให้มันรู้สึกคุ้นเคยและมีความปลอดภัย และให้เรียกแมวด้วยการใช้น้ำเสียงตามปกติที่เคยเรียกอย่าตะโกนเสียงดังๆ เพื่อให้แมวจำได้ว่าเป็นเสียงของเจ้าของเพราะความคุ้นเคย ส่วนหากต้องตามหาในตอนกลางคืนให้นำไฟฉายติดตัวไปด้วยเพราะตาของแมวจะสะท้องกับแสงในเวลากลางคืนจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเจอตัวได้ง่ายขึ้น

5. ใช้ Social Media ให้ช่วย – ไม่มีอะไรที่จะกระจายข่าวได้เร็วเท่ากับการใช้ Social อีกแล้ว ให้เอารูปถ่ายที่ชัดที่สุดพร้อมกับรายละเอียด เช่น สายพันธุ์ สี พิกัดที่หาย ปลอกคอแบบไหน หรือมีจุดเด่นอะไรที่ดูแล้วแตกต่างจากแมวตัวอื่น และหากทำได้ลองเสนอค่าตอบแทน เล็กๆน้อยๆให้กับผู้ที่เจอก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เจอตัวแมวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการตั้งสติให้ดีก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าควรทำอะไรบ้าง ซึ่งบางทีก็เป็นไปได้สูงมากว่าฝากแมวอาจจะไปเที่ยวเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น บางตัวอาจจะหายไปนานสักหน่อยแต่ก็จะกลับมาบ้านเองได้ซึ่งก็มีให้เห็นบ่อยมากเช่นกัน

การดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว

นอกจากเรื่องของอาหารการกิน พร้อมทั้งความสะอาดและการออกกำลังกาย สุนัขและแมวซึ่งถือได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ ยังคงต้องการการดูแลและเอาใจใส่จากคุณมาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพของพวกเขาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พวกเขาสบายดีหรือเจ็บป่วย การดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว ยังถือได้ว่าเป็นเรื่องที่คุณจะต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก และที่สำคัญการฉีดวัคซีนให้ครบและถูกต้องตามโปรแกรม นับได้ว่าเป็นสิ่งที่คนเลี้ยงสุนัขและแมวจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด วันนี้เราจึงขอยกเรื่องของการดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว ซึ่งถือได้ว่าเป็นความรู้โดยรวมมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

ให้มองหาโรงพยาบาลสัตว์ในพื้นที่ใกล้เคียง

การที่คุณจะเลี้ยงสุนัขและแมว คุณจะต้องมองหาโรงพยาบาลสัตว์ หรือแม้กระทั่งร้านเพ็ทช็อปภายในพื้นที่ใกล้เคียงเอาไว้ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิด 24 ชั่วโมงด้วยแล้ว นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก การที่คุณรู้ข้อมูลเหล่านี้จะส่งผลดีต่อตัวคุณพร้อมทั้งสัตว์เลี้ยงของคุณโดยเฉพาะในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินกับพวกเขาขึ้นมา เพราะคุณจะรู้ทันทีว่าคุณจะสามารถพาพวกเขาไปหาหมอที่ไหน อย่างไรได้บ้างนั่นเอง

พาสุนัขและแมวไปฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน

สิ่งสำคัญที่คุณห้ามพลาดผ่านการดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว นั่นก็คือ คุณจะต้องพาพวกเขาไปฉีดวัคซีนให้ครบตามโปรแกรม โดยเฉพาะวัคซีนตัวสำคัญที่พวกเขาจะขาดไม่ได้ นั่นก็คือ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า หากมีการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นตามระยะเวลากำหนดได้อย่างครบถ้วน พวกเขาจะปลอดภัยเป็นอย่างมาก รวมทั้งผู้เลี้ยงดูด้วยค่ะ

หมั่นดูแลและคอยป้องกันพยาธิและปรสิตต่าง ๆ

ในส่วนของเห็บ หมัด ไร หรือแม้กระทั่งพยาธิ ถือได้ว่าเป็นภัยตัวฉกาจที่สุนัขและแมวมักจะหลีกเลี่ยงไม่ค่อยพ้น เพราะฉะนั้น คุณควรดูแลและใส่ใจในเรื่องนี้ให้มาก โดยเฉพาะถ้าหากสุนัขของคุณออกไปเที่ยวนอกบ้าน และมีความเสี่ยงว่าจะติดพยาธิกลับมา ข้อมูลจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรบอกแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะสามารถดูแลพวกเขาได้อย่างถูกต้องต่อไป

และอีกหนึ่งส่วนของการดูแลสุขภาพของสุนัขและแมว ซึ่งผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ควรให้ความสนใจ นั่นก็คือ การพาพวกเขาไปทำหมัน เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา โดยเฉพาะในสุนัขเพศเมีย ซึ่งพวกเขามักจะมีโรคร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขาอยู่เสมอ การทำหมันจะช่วยทำให้พวกเขาห่างไกลจากโรคร้ายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างมาก และนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงดูจะต้องรับผิดชอบโดยตรงอีกเช่นเดียวกันค่ะ

การเลือกซื้ออาหารให้กับสุนัขและแมว

กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว มักจะมีวิธีการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไป ตามหลักแล้วไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวก็ตาม พวกเขาย่อมต้องการให้คุณเอาใจใส่เขาในทุก ๆ เรื่อง เพราะพวกเขาก็มักจะมีความคิด ความรู้สึก บวกกับความเข้าใจในบางเรื่องที่ไม่แตกต่างไปจากคนเรา โดยเฉพาะความรักและความเอ็นดูที่พวกเขาต้องการมากที่สุดจากคุณหรือเจ้าของ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพลังและแรงใจที่ดีที่สุดที่พวกเขาอยากจะได้ นอกเหนือจากกำลังใจแล้ว ในสิ่งที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย ความสะอาด หรือแม้กระทั่ง อาหาร ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณจะต้องใส่ใจอย่างมากที่สุดเช่นเดียวกัน และในวันนี้เราจะขอพูดถึงการเลือกซื้ออาหารให้กับสุนัขและแมว

1.อ่านฉลากสักนิดก่อนซื้อ

การเลือกซื้ออาหารให้กับสุนัขและแมว คุณควรเน้นย้ำไปกับอาหารที่ดีและมีคุณภาพสำหรับพวกเขาโดยตรง การอ่านฉลากเพื่อที่จะทำให้คุณรู้ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้างนั้น เป็นส่วนผสมในรูปแบบเนื้อจริง ๆ หรือไม่ หรืออาจจะเป็นส่วนที่เหลือจากเนื้อสัตว์โดยตรง หรือแม้กระทั่งส่วนผสมในรูปแบบธัญพืชก็ตาม ซึ่งจะส่งผลทำให้คุณรับรู้ได้ว่า อาหารสุนัขและแมวในมือคุณนั้น มีคุณภาพและมีโปรตีนดี ๆ สำหรับพวกเขาหรือไม่ อย่างน้อยในเรื่องของสารเติมแต่งสีกลิ่น หากมีน้อยย่อมดีมากที่สุด เพราะฉะนั้น คุณควรอ่านฉลากก่อนซื้อแล้วคุณจะได้อาหารดีและมีคุณภาพสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน

2.ควรให้อาหารกับสุนัขและแมวอย่างเหมาะสม

การให้อาหารคุณควรเน้นย้ำไปกับการให้อย่างเหมาะสมตามสายพันธุ์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นขนาด ช่วงวัย หรือแม้กระทั่งโรคที่เขาเป็น ที่สำคัญคุณควรให้อาหารแก่พวกเขาตรงเวลาทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากคุณให้อาหารแก่พวกเขาเป็นเวลา จะช่วยทำให้พวกเขาได้ฝึกขับถ่ายได้อีกด้วย

3.น้ำ ห้ามขาดอย่างเด็ดขาด

ในส่วนของ “น้ำ” มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าอาหาร และนับได้ว่าเป็นส่วนที่คุณจะลืมไม่ได้ เนื่องจากน้ำไปสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน

ในส่วนของอาหารสุนัขและแมว คุณควรหลีกเลี่ยงที่จะให้อาหารของคนแก่พวกเขา เนื่องจากอาหารของคนเรานั้น อาจจะมีสารอาหารที่มากเกินและเกินความจำเป็นที่พวกเขาต้องการ ส่งผลทำให้พวกเขาเป็นโรคอ้วน ตลอดจนกระทั่งเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง เพราะฉะนั้นควรเน้นให้อาหารของสุนัขและแมวที่เหมาะสมแก่พวกเขาจะดีกว่า เพื่อช่วยให้เขาได้สารอาหารดี ๆ และโปรตีนดี ๆ ที่สำคัญต่อร่างกายของพวกเขา

วิธีดูแลรักษาสุนัขและแมวป่วย แบบเบื้องต้น

หากคุณรู้สึกว่าสุนัขหรือแมวตัวโปรดของคุณ กำลังมีอาหารเซื่องซึม ดูผิดปกติ แลดูเหมือนพวกเขากำลังจะป่วย ขอให้คุณพยายามสังเกตอาการเด่น ๆ ของพวกเขา เพื่อที่คุณจะได้รู้ก่อนว่า พวกเขากำลังผิดปกติไปอย่างไรบ้าง หากจำเป็นจะต้องพบแพทย์จริง ๆ คุณก็ควรพาพวกเขาไปพบแพทย์โดยด่วน โดยบอกอาการผิดปกติของพวกเขาอย่างละเอียด เพื่อที่แพทย์จะทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วในเบื้องต้น แต่ถ้าหากสุนัขและแมวตัวโปรดของคุณมีอาการไม่มากเท่าไหร่นัก อย่างเช่น มีอาการซึมเนื่องจากพวกเขาอาจจะเป็นไข้ หรือมีอาการอาเจียน ก็ขอให้ลองสังเกตอาการของพวกเขาดูก่อนสักระยะ โดยในระหว่างนี้คุณสามารถดูแลและรักษาอาการป่วยแบบเบื้องต้นให้กับพวกเขาได้ ดังนี้

หากมีอาการเซื่องซึมเนื่องจากเป็นไข้ ถ่ายเหลว และอาเจียน

หากคุณพบเจอว่าสุนัขและแมวของคุณมีอาการเซื่องซึมเหมือนเป็นไข้ รวมไปถึงพวกเขามีอาการถ่ายเหลว และอาเจียนออกมา การรักษาอาการเบื้องต้นด้วยสมุนไพร คุณสามารถทำได้ด้วยการให้พวกเขากินใบตะไคร้อ่อน แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมกินแบบสด ๆ ก็ควรที่จะต้มและนำน้ำตะไคร้มาป้อนให้กับพวกเขา โดยป้อนทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง ไม่นานอาการของพวกเขาก็จะดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นควรรีบนำพาไปพบแพทย์

กรณีที่สุนัขมีอาการท้องเสียเป็นอย่างมาก

สัตวแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เรางดอาหารและน้ำให้กับสุนัขและแมวทันที อย่างน้อยต้องงดเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อดูอาการ ต่อให้พวกเขาจะมีความกระหายสักแค่ไหน คุณจะต้องพยายามใจแข็งและรอดูอาการของเขาต่อไป หากว่าเขาหยุดถ่ายเมื่อไหร่ อาการของพวกเขาก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากพบว่าสุนัขและแมวทั้งถ่ายและก็อาเจียนไปพร้อม ๆ กัน ควรนำพาไปพบแพทย์โดยด่วน

กรณีที่สุนัขและแมวมีบาดแผลตามร่างกาย

สุนัขและแมวที่มีบาดแผลตามร่างกาย คุณสามารถดูแลรักษาเขาได้ในเบื้องต้น ด้วยการทายาเบตาดีนให้กับเขา ซึ่งจะช่วยป้องกันและไม่ทำให้แผลของเขาลุกลามไปจากเดิม แต่ถ้าหากบาดแผลมีขนาดใหญ่มาก หรือเป็นหนอง ให้ใช้ยาผงเนกาซันโรยที่แผล ซึ่งแผลจะค่อย ๆ แห้งและหายในที่สุด

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการดูแลและรักษาอาการป่วยเบื้องต้นของสุนัขและแมว ซึ่งคุณสามารถทำได้ตามรายละเอียดในข้างต้น แต่ถ้าหากทดลองทำแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรพาสุนัขและแมวตัวโปรดของคุณไปพบแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้วินิจฉัยอาการและรักษาได้อย่างทันท่วงที