คาญี่ชี้ ! โรนัลโด้ ไม่สามารถลงเล่นให้ยูเว่ได้ทุกนัดอีกต่อไป หลังจาก “ชราภาพขึ้น”

จากรายงาน ข่าวบอล จิจี้ คาญี่ โค้ชจอมเก๋าชาวอิตาลีได้กล่าวว่า คริสเตียโน โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสจะต้องเปลี่ยนแปลงการเล่นของเขาใหม่ทั้งหมด ภายใต้การคุมทีมของ แม็กซ์ อัลเลกรี โค้ชคนใหม่แต่หน้าเก่าของยูเวนตุส

คาญี่ ได้มีโอกาสนัดพูดคุยกับ อัลเลกรี เป็นประจำและยังได้เปิดเผยว่า อัลเลกรี ได้พูดคุยกับ โรนัลโด้ เกี่ยวกับแผนการของเขาแล้ว โดยคาดว่า CR7 จะต้องหันมาเล่นเพื่อทีมมากขึ้น และแน่นอนว่าด้วยวัยที่มากขึ้นของกัปตันทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้ อาจจะไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมมากเหมือนหลายๆปีที่ผ่านมาอีกแล้วด้วย

เขาได้บอกกับ TMW Radio ไปว่า “CR7 ต้องเปลี่ยนวิธีเล่น และเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับเกมการแข่งขันด้วย”

“พวกเขาคุยกันบ้างแล้วล่ะ ผมคิดว่าเขาจะจัดการกับปัญหาเรื่องนี้ได้ เพราะเขาจะไม่สามารถลงเล่นได้ทุกเกมแน่นอน

“โรนัลโด้ ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า เขาไม่ใช่นักเตะวัยพีคหรืออายุน้อยๆแบบที่เขาเคยเป็นเมื่อสามปีที่แล้วอีกต่อไป เขาจะต้องลงเล่นเฉพาะที่ในเกมเขาสามารถลงเล่นและพาทีมเอาชนะได้ชัวร์ๆ และพวกเขาจะต้องทำการตัดสินใจร่วมกัน”

โรนัลโด้ มีโอกาสร่วมงานกับ อัลเลกรี มาก่อนเป็นเวลา 1 ปีถ้วนในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่โรนัลย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส แต่ว่าหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลดังกล่าว อัลเลกรี ก็ได้ลาออกจากทีม และจากนั้นโรนัลโด้ก็ได้ร่วมงานกับโค้ชถึง 2 รายในช่วง 2 ปีหลังสุดนั่นคือเมาริซิโอ ซาร์รี่ และ อันเดรีย ปีร์โล่ แต่ก็ไม่เวิร์คสักราย

สุนัข แมว เลี้ยงอะไรดีกว่ากัน

สุนัข แมว เลี้ยงอะไรดีกว่ากัน

สุนัข แมว… ตัวไหนน่ารักกว่ากัน คนรักสัตว์หลายคนคงจะตั้งคำถามเมื่อสองจิตสองใจจะเลี้ยงอะไรดี น้องเหมียวก็น่ารัก เจ้าตูบก็แสนรู้ ถ้าใครอยู่ในช่วงคิดไม่ตกว่าจะเลี้ยงอะไรดีแบบนี้ วันนี้เรามีคำตอบให้กับไกด์ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลี้ยงสุนัขและแมวได้ง่ายขึ้น

ระหว่างสุนัข แมว ถ้าจะบอกตัวไหนน่ารักกว่ากันก็คงจะบอกไม่ได้ เพราะเจ้าสัตว์เลี้ยงน่ารักสองตัวนี้ต่างก็มีลักษณะ อุปนิสัยและความน่ารักที่แตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของผู้เลี้ยงอีกด้วย มาเริ่มกันที่สุนัขหรือเจ้าตูบกันเลยดีกว่า

สุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการความใส่ใจจากเจ้าของมากกว่าแมว ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน เล่นหรือนอน จึงไม่เหมาะกับเจ้าของที่อยากได้เวลาเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ แต่เหตุผลหลักที่สุนัขต้องการความรักจากเรานั้นก็เพราะเขารักเรามากนั่นเอง ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจที่จะเลี้ยงน้องหมาแล้ว เราจะต้องให้เวลาเขาเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง สุนัขมีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก ข้อดีของสุนัขคือเราสามารถฝึกฝนให้เขารอ เชื่อฟังหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างชาญฉลาดเลยล่ะ ไม่ว่าใครก็จะต้องตกหลุมรักแววตาอันอ้อนวอนและน่ารักของเจ้าตูบไปตาม ๆ กัน

แมว สำหรับน้องแมวเหมียว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ต้องการเวลาและการดูแลมากเท่าสุนัข แต่ก็ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของน้องเหมียวแต่ละตัวว่ามีความขี้อ้อนมากน้อยแค่ไหน เพราะน้องเหมียวส่วนใหญ่มักจะมีเวลาส่วนตัว และจะเข้าหาเจ้าของจริง ๆ ก็ต่อเมื่อหิวหรือต้องการความสนใจจากเจ้าของอย่างจริงจัง แค่เรามีอาหาร น้ำและกระบะทรายไว้ น้องก็สามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ เลยล่ะ แถมยิ่งตัวไหนขี้อ้อนก็จะคลอเคลีย และแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแรงกล้าเลยล่ะ แต่ถ้าเลี้ยงแมวก็จะมีสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้ผู้เลี้ยงตกใจ นั่นก็คือการแสดงความรักต่อเจ้าของและความสามารถตัวเองด้วยการนำสัตว์ต่าง ๆ ที่น้องล่ามาฝาก ไม่ว่าจะเป็นนก หนู จิ้งจกหรือสัตว์อื่น ๆ มาวางไว้ตามที่นอนหมอนมุ้ง พรม ห้องน้ำหรืออื่น ๆ แต่ด้วยความสันโดษของน้องแมว เราจึงต้องคอยหมั่นสังเกตอาการและโรคของเขาอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นที่สังเกตได้ยากนั่นเอง

เหตุผลเหล่านี้จะช่วยผู้ที่กำลังวางแผนอยากจะมีสัตว์เลี้ยงอย่าง สุนัข แมว สักตัวในบ้าน สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเพื่อนที่กำลังเลี้ยงสัตว์ ผู้ขายสัตว์เลี้ยง ข้อมูลหรือวิดีโอเพิ่มเติมต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเลี้ยงสัตว์ก็คือความพร้อม เพื่อที่เราจะได้เลี้ยงเขาด้วยความรักและความใส่ใจเหมือนครอบครัวเดียวกัน

ข้อดีของการมี สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน

ข้อดีของการมีสัตว์เลี้ยง,เลี้ยงสัตว์ประจำครอบครัว,อุปนิสัยพื้นฐานของสัตว์

ในปัจจุบันมีการเก็บสถิติพบว่า ผู้คนทั่วโลกนิยมอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยวขนาดเล็ก และเลี้ยงสัตว์ประจำครอบครัวมากขึ้น โดยสัตว์เลี้ยงที่คนนิยมมากอันดับต้น ๆ คือ สุนัข แมว รองลงมา ได้แก่ กระต่าย ปลา นอกจากนี้ยังมีสัตว์แปลก ๆ เช่น งู กิ้งก่า ชูก้าไรเดอร์ ฯลฯ อีกด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงจะได้รับประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1.ทำให้อารมณ์แจ่มใส
การมีสัตว์เลี้ยงอยู่ข้างกาย จะทำให้คุณมีความรักความผูกพันกับมัน ได้เห็นพฤติกรรมน่ารัก ๆ ตามธรรมชาติที่จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ซึ่งมีผลการวิจัยบอกว่า ความรู้สึกนี้เกิดจากร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขชื่อว่าออกซิโตซินออกมา เมื่อคุณใช้เวลาร่วมกับสัตว์เลี้ยงมาก ๆ คุณจึงมีความสุขในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น และลดความเครียดที่สะสมจากการทำงานได้เป็นอย่างดีด้วย

2.ทำให้คุณมีสังคมใหม่
การมีสังคมใหม่ ๆ ไม่จำเป็นจะต้องมาจากการเปลี่ยนงาน หรือประชุมนอกสถานที่เท่านั้น ยังเกิดจากการมีสัตว์เลี้ยงได้ เช่น คุณอาจเข้ากลุ่มคนรักสุนัขแมว ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลจำพวกการดูแลสัตว์เลี้ยง ปัญหาสุขภาพที่เกิดกับสัตว์เลี้ยง หรือรวมตัวกันทำกิจกรรมอาสาเพื่อช่วยสัตว์ที่ไร้ที่พึ่ง สัตว์จรจัดได้

3.ช่วยให้มีความสุขในชีวิตคู่มากขึ้น
ปัจจุบันมีคู่สมรสที่ไม่มีลูกในสัดส่วนที่มากขึ้น หลายคู่เลือกเลี้ยงสุนัข แมว หรือสัตว์อื่น ๆ ที่ชื่นชอบร่วมกัน เพื่อให้ไม่เหงาและยังส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น การมีสัตว์เลี้ยงที่น่ารักในบ้านยังช่วยเป็นสื่อกลางในการหาหัวข้อมาพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนกันได้เป็นประจำ จึงทำให้คุณมีความสุขในชีวิตสมรสมากยิ่งขึ้นได้

4.ทำให้เป็นคนรับผิดชอบ
การต้องพาสัตว์ไปขับถ่ายเป็นเวลาเช้าเย็น ดูแลอาบน้ำตัดขนทำความสะอาดรายสัปดาห์ ดูแลความสะอาดกรงที่อยู่ จัดการเรื่องอาหารการกิน พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นระยะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นคนที่รับผิดชอบและเอาใจใส่ดูแลตัวเองและผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้นด้วย

5.ช่วยเตือนภัยและเฝ้าบ้าน
สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ เช่น สุนัขและแมว จะมีประสาทสัมผัสทางการมองเห็นและจมูกที่ดมกลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์หลายเท่า หากมีคนแปลกหน้าเข้ามาในยามวิกาล สัตว์จะส่งเสียงร้องให้คุณได้รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น คุณจะได้ระวังตัวมากขึ้น

การมี สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยง ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์หลายข้อ ทั้งด้านอารมณ์ การปรับเปลี่ยนอุปนิสัยส่วนตัว ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมใหม่ ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดต้องมีความรับผิดชอบและเรียนรู้อุปนิสัยพื้นฐานของสัตว์ จึงจำเป็นต้องศึกษาสายพันธุ์สัตว์แต่ละชนิดให้เข้าใจดีเสียก่อนเลือกเลี้ยง

วิธีคลายเหงาสุนัข แมวหลังพ้นล็อคดาวน์ เจ้านายกลับไปทำงานแล้ว

วิธีคลายเหงาสุนัข แมวหลังพ้นล็อคดาวน์ เจ้านายกลับไปทำงานแล้ว

เมื่อก่อนเจ้าของไปทำงาน ปล่อยสัตว์เลี้ยงรวมทั้งสุนัขและแมวอยู่บ้านเพียงลำพังเป็นเรื่องปกติ แต่หลังรัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ให้ทุกคนอยู่บ้านระหว่างสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด สัตว์เลี้ยงรู้สึกอบอุ่นที่เจ้านายอยู่บ้านเป็นเพื่อนกันตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาเลิกมาตรการคุ้มเข้มและชีวิตกลับคืนสู่สภาพปกติบรรดาเจ้านายกลับไปทำงานตามเดิม หลายคนรู้สึกเป็นห่วงหลังจากสังเกตเห็นว่าน้องหมาน้องแมวเริ่มปัสสาวะไม่เป็นที่เป็นทางระหว่างที่ไม่มีคนอยู่บ้าน บางทีก็เดินตามไปทุกที่แม้กระทั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำ ทำอย่างไรดีเมื่อสัตว์เลี้ยงหงอยเหงาและเกิดความเครียด

ก่อนอื่นลองสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงมีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังจากที่เจ้านายกลับไปทำงานตามเดิม เดียว หากสุนัขและแมวทำลายสิ่งของหรือถ่ายเรี่ยราด ขอให้เข้าใจว่าสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณของความวิตกกังวลและทุกข์ใจที่ต้องเหงาอยู่บ้านตัวเดียว ไม่ควรลงโทษสัตว์เลี้ยงเพราะจะยิ่งทำให้เครียดมากขึ้น ในทางกลับกันถ้าแสดงความรักโอ๋สัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษจะทำให้ปัญหาแย่ลงเช่นกัน ทางที่ดีควรปรับอารมณ์ให้สมดุลจนกระทั่งสัตว์เลี้ยงอยู่ลำพังได้โดยไม่รู้สึกเหงา ก่อนอื่นพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้มั่นใจว่าไม่ได้มีความผิดปกติเพราะร่างกายเจ็บป่วย ในกรณีที่เป็นสุนัขควรพาไปวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำก่อนกลับไปทำงานนอกบ้านตามเดิม เพื่อให้สุนัขรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจในขณะที่เจ้านายไม่อยู่บ้าน ส่วนแมวให้อุ้มไปนั่งเล่นกลางแจ้งที่เป็นพื้นที่ปิดปลอดภัยอย่างสวนหลังบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น

ตัวเจ้าของสัตว์เลี้ยงเองก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างด้วย ถ้าสังเกตว่าสุนัขหรือแมวจะเห่าหอนหรือเดินไปเดินมาแสดงท่าทางกังวลเวลาเห็นเจ้านายหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน แนะนำให้หยิบกระเป๋ามาสะพายแล้ววางลงหลาย ๆ ครั้งเป็นเวลานานนับชั่วโมง หรือลองสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วดับเครื่องเดินกลับเข้าไปในบ้านทำซ้ำ ๆ กันหลายครั้งทำให้สัตว์เลี้ยงคุ้นเคย ก่อนกลับไปทำงานควรฝึกสัตว์เลี้ยงให้อยู่ตัวเดียวโดยออกไปทำธุระนอกบ้านเป็นชั่วโมง จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มเวลาอยู่นอกบ้านนานขึ้นจนกระทั่งออกไปทำงานแบบเต็มเวลาได้โดยที่สัตว์เลี้ยงไม่รู้สึกกังวลอีก

เพราะความเบื่อหน่ายทำให้เหงาและเครียดมากขึ้น ควรหาของเล่นและกิจกรรมให้สัตว์เลี้ยงทำในขณะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน อาจจะเป็นของเล่นยัดไส้ขนมหรือตำแยแมวซ่อนไว้รอบบ้าน หรืออุปกรณ์ที่ปล่อยกลิ่นฟีโรโมนให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบจิตใจไม่รู้สึกเครียด เปิดทีวีทิ้งไว้หรือเจ้าของวางเสื้อผ้าที่สวมแล้วยังไม่ซักไว้บนเตียงหรือโซฟาให้หมาแมวได้นอนซุกอย่างอุ่นใจ ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงเหงาและกลัวจนกระทั่งร้อง เห่าหอน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือบางกรณีที่รุนแรงสัตว์เลี้ยงอาจกัดและทำร้ายตัวเอง จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปกับการใช้อาหารเสริมหรือยาช่วยจัดการปัญหานี้ได้ เมื่อคลายเครียดและรู้สึกสงบได้แล้วทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ บรรดาเจ้าของสัตว์เลี้ยงออกไปทำงานโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป

สุนัข แมว ช่วยคลายเครียดช่วงโควิด-19

สุนัข แมว ช่วยคลายเครียดช่วงโควิด-19

หลายคนไม่เคยต้องการมีสัตว์เลี้ยงมาก่อน เพราะชีวิตผูกติดอยู่กับงาน บางคนต้องเดินทางอยู่เสมอ ไม่มีเวลาใส่ใจดูแลสุนัข แมว และไม่อยากกังวลใจกับสัตว์เลี้ยงที่บ้าน บางคนไม่ปลูกต้นไม้ในบ้านด้วยซ้ำ แต่หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สถานการณ์ของคนทำงานเปลี่ยนไป ไม่ต้องออกไปนอกบ้านบ่อย ๆ เพราะเปลี่ยนมาทำงานจากที่บ้าน บางคนหาเงินได้น้อยลงในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หรือแย่กว่านั้นคือตกงานอยู่เฉย ๆ ในบ้านทั้งวันจนเริ่มรู้สึกเครียดและวิตกกังวล นอนไม่หลับ เกิดภาวะซึมเศร้าจนต้องปรึกษาแพทย์ น่าแปลกที่ผู้คนในหลายประเทศตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการเลือกสุนัขหรือแมวมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน

มือใหม่รับสุนัข แมวมาเลี้ยงจะรู้สึกว่าถูกกระตุ้นให้กระตือรือร้นมากขึ้น เริ่มต้นด้วยเสียงโฮ่ง ๆ หรือเมี๊ยว ๆ ทุกเช้า สัตว์เลี้ยงจะมาปลุกร้องขออาหาร หรือสุนัขเห่าเพราะอยากออกไปข้างนอก สร้างแรงจูงใจในทุกวันและช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้ หลายคนไม่เคยรู้จักเพื่อนบ้านเลย หลังจากจูงหมาไปเดินเล่นเริ่มทำความรู้จักคนแปลกหน้าที่กลายมาเป็นเพื่อนใหม่ แม้จะมีโรคระบาดแต่ไม่ปิดกั้นตัวเองอยู่แต่ในบ้านอีกต่อไป สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่น่ารักและเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้ามาหาและสร้างมิตรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยปลอมประโลมใจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้สังคมเพื่อนและครอบครัวห่างไกลกันมากกว่าเมื่อก่อน สัตว์เลี้ยงเริ่มมีบทบาทสำคัญช่วยบรรเทาความรู้สึกซึมเศร้า เหงา และโดดเดี่ยว

สุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ กลายเป็นทางออกของหลายคนซึ่งเห็นว่าความสัมพันธ์กับสัตว์นั้นเรียบง่ายและเต็มไปด้วยเรื่องราวสนุกสนาน รู้สึกร่าเริงมีความสุขมากขึ้นเมื่อมีสุนัข แมวมาอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเทียบกันแล้วง่ายกว่าการบำบัดสุขภาพจิตทางสายด่วนออนไลน์หรือไปพบจิตแพทย์ซึ่งเป็นคนแปลกหน้าและรู้สึกแปลกแยกกันโดยสิ้นเชิง บางคนรู้สึกว่าการพบแพทย์ทำให้สบายใจขึ้นในระหว่างการพูดคุยเพื่อการรักษา แต่พอกลับมาอยู่บ้านคนเดียวแล้วกลับรู้สึกเครียดมากกว่าเดิม พอตัดสินใจรับเลี้ยงสุนัขหรือแมวแล้ว รู้สึกสบายใจมากกว่า สักพักก็รู้สึกว่าการอยู่กับบ้านกลายเป็นเรื่องปกติไป ยิ่งถ้าถ้าสัตว์เลี้ยงนั้นทำตัวดี หรือผ่านการฝึกฝนให้มีวินัย ก็ยิ่งเป็นที่รักโปรดปราน

หลายคนรู้สึกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พลาดอะไรดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อมีสัตว์เลี้ยงตัวโปรดนอนขดตัวอยู่บนเตียงหรือหมอบอยู่ข้างตัก ความเหงาค่อย ๆ มลายหายไปเหมือนมีแขนใครสักคนโอบไหล่ให้อบอุ่นในใจโดยไม่ต้องมีคำพูด เมื่อมีความสุขเล็ก ๆ เข้ามาแทรก ก็จะรู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป สัตว์เลี้ยงเป็นเครื่องมือปลอบประโลมใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากหลายสถานการณ์ แม้แต่ตอนอกหัก เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหลายคนเริ่มมองหาสัตว์เลี้ยงเข้ามาคลายเครียดและบำบัดโรคซึมเศร้า ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าช่วยบรรเทาความเหงาและเยียวยาผู้ป่วยได้จริง

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนให้ลูกสุนัข แมว

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนให้ลูกสุนัข แมว

การให้วัคซีนลูกสุนัข แมวตามวัยเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรงต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ เราจึงรวบรวมข้อมูลมาฝากกันว่าควรดูแลเรื่องการฉีดวัคซีนอย่างไรบ้าง

วัคซีนมีอยู่ 2 ประเภท คือ

  1. วัคซีนเชื้อเป็น เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อโรคที่ยังไม่ตาย แต่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลงจนไม่ทำให้สัตว์ป่วย เป็นวิธีกระตุ้นภูมิคุ้มกันในตัวสุนัข แมวอย่างรวดเร็ว ซึ่งวัคซีนส่วนใหญ่ที่ฉีดให้สุนัข แมวจะเป็นกลุ่มนี้
  2. วัคซีนเชื้อตาย เป็นการใช้สารตัวกลาง นำชิ้นส่วนของเชื้อที่ตายแล้ว เข้าไปกระตุ้นภูมิในร่างกายสัตว์ ทำให้มีโอกาสแพ้ได้มากกว่า เช่น วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า

วัคซีนยังแบ่งตามความจำเป็นได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. วัคซีนหลัก เป็นวัคซีนที่ต้องฉีดในสัตว์ตามช่วงอายุที่เสี่ยงติดเชื้อ เช่น วัคซีนไข้หัดสุนัข แมว
  2. วัคซีนทางเลือก เป็นวัคซีนที่จะฉีดถ้ามีความเสี่ยงจากโรคระบาด หรืออาจติดเชื้อจาก เห็บ หมัด ยุง ได้ ตัวอย่างเช่น วัคซีนเชื้อไวรัสพาราอินฟลูเอนซ่า (สุนัข) และ วัคซีนโรคลูคีเมีย (แมว)

การให้วัคซีนกับลูกสุนัข แมวจะฉีดเมื่อสัตว์อายุ 2-3 เดือนขึ้นไป ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว ลูกสัตว์ที่อยู่กับแม่จะได้ดื่มนมจากเต้า จึงมีภูมิต้านทานดี ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ เมื่ออายุเข้าเกณฑ์ต้องได้วัคซีน จึงค่อยพามาพบสัตวแพทย์

  • ตัวอย่างวัคซีนสำหรับลูกสุนัข คือ วัคซีนป้องกันพยาธิหนอนหัวใจและวัคซีนรวม 5 โรค ที่ต้องให้ประจำทุกเดือน สามครั้ง เมื่ออายุ 2-4 เดือน ส่วนวัคซีนพิษสุนัขบ้าจะให้เมื่อลูกสุนัขอายุ 3 และ 4 เดือน หลังจากนั้นควรฉีดเป็นประจำทุกปี
  • วัคซีนที่ต้องให้กับลูกแมว ได้แก่ วัคซีนป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ วัคซีนป้องกันโรคหัดและโรคหวัดแมว ที่ต้องให้ประจำทุกเดือน ในช่วงอายุ 2-4 เดือน ส่วนวัคซีนพิษสุนัขบ้า จะให้เมื่ออายุ 3 และ 4 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดเป็นประจำทุกปี ส่วนวัคซีนลูคีเมียแมวจะให้เมื่ออายุ 2 เดือนครึ่งและ 3 เดือนครึ่ง

ทั้งนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรเลือกคลินิกสัตวแพทย์ที่อยู่ใกล้บ้าน ทำให้เดินทางสะดวก สัตว์เลี้ยงจะไม่อ่อนเพลีย และสามารถทำประวัติรักษาได้อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละคลินิกอาจคิดค่าใช้จ่ายต่างกันไป และบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นวัคซีนราคาประหยัดเพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงได้มากขึ้น เช่น ราคาโปรโมชั่น 1,500 บาท สำหรับการฉีดวัคซีนสุนัขรวม 5 โรคทั้ง 3 เข็ม และวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2 เข็ม และรวมค่าถ่ายพยาธิอีก 3 ครั้งในช่วงอายุตั้งแต่ 2-4 เดือนแรกด้วย

การดูแลสุนัข แมวอย่างมีคุณภาพ จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ การให้อาหาร ดูแลที่อยู่อาศัย และใส่ใจการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ ทำให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพที่ดี มีอายุยืนอยู่กับคุณได้อีกนาน

เรื่องอาหารสุนัข แมวที่ผู้เลี้ยงควรรู้

เรื่องอาหารสุนัข แมวที่ผู้เลี้ยงควรรู้

การเลี้ยงสุนัข แมวให้มีสุขภาพที่แข็งแรงนั้น นอกจากการเลือกสายพันธุ์ที่ดี ดูแลความสะอาดพื้นที่เลี้ยง และฉีดวัคซีนตามช่วงอายุของสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงอาหารที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยงด้วย เรามาดูกันว่าผู้เชี่ยวชาญแนะนำการให้อาหารสุนัข แมวไว้อย่างไรบ้าง

1.จำนวนมื้อ
สุนัขเล็กหลังวัยหย่านม ในช่วงอายุไม่เกินหกเดือนควรให้กินอาหารเม็ดวันละ 3 รอบ เพื่อให้เพียงพอต่อพัฒนาการ เช่น สมอง อวัยวะสืบพันธุ์ และสัมพันธ์กับอัตราการเผาผลาญของร่างกาย แต่สำหรับสุนัขที่โตเต็มวัยแล้วควรให้อาหารวันละ 2 รอบ เช้าและเย็น ส่วนแมวนั้น เป็นสัตว์ที่กินครั้งละน้อย เจ้าของจึงควรเทอาหารเม็ดทิ้งไว้เพียงครึ่งภาชนะ เพื่อให้แมวสามารถเดินมากินได้เรื่อย ๆ หากให้อาหารเปียก ควรให้ครั้งละน้อย ๆ ไม่ควรวางใส่ถาดทิ้งไว้จะบูดเสียสิ้นเปลืองได้

2.ประเภทอาหาร
สุนัขมีลักษณะฟันบดเคี้ยวและเอนไซม์ในระบบย่อยของกระเพาะอาหารและลำไส้ที่ย่อยได้ดีทั้งเส้นใยพืชและเนื้อสัตว์ อาหารที่ให้สุนัขกิน จึงเป็นได้ทั้งอาหารเม็ดและอาหารคาวที่มีผักเป็นส่วนประกอบ ส่วนแมวเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับเสือและแมวป่า ซึ่งมีนิสัยไล่ล่าเหยื่อเป็นอาหาร ระบบกระเพาะและลำไส้จึงย่อยเนื้อสัตว์ได้ดี จึงไม่ควรนำอาหารสุนัขมาให้แมวกิน เพราะจะทำให้แมวขาดกรดอะมิโนที่จำเป็น เช่น ทอรีน และวิตามินเอ ส่งผลต่อความสามารถในการมองเห็นและระบบสืบพันธุ์ทำงานไม่สมบูรณ์ได้

3.ระบบการรับสัมผัส
สุนัขเป็นสัตว์ที่มีต่อมรับกลิ่นดีกว่าคนนับล้านเท่า จึงใช้วิธีดมกลิ่นในการจดจำอาหาร อาหารสำหรับสุนัขจึงต้องมีกลิ่นเนื้อ เช่น กลิ่นตับ ไก่ เนื้อวัว หมู หากเป็นอาหารคาว ควรอุ่นให้ร้อน เพื่อให้สุนัขรับกลิ่นได้ดี จะเจริญอาหารมากขึ้น ส่วนแมวเป็นสัตว์นักล่าจึงใช้สัญชาตญาณการดมกลิ่น เลือกกินอาหารกลิ่นแรง เพราะแสดงถึงความสดใหม่ หากเป็นอาหารเปียกที่เพิ่งแกะออกจากถุง แมวก็จะยิ่งชอบ เราจึงเห็นได้ว่าแมวส่วนใหญ่จะนิยมกินอาหารเปียกมากกว่ากินอาหารเม็ดนั่นเอง

4.การเปลี่ยนยี่ห้ออาหาร
ผู้ที่เลี้ยงสุนัข แมวมักประสบปัญหาสัตว์เลี้ยงไม่ค่อยยอมกินอาหารเมื่อเปลี่ยนยี่ห้อใหม่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้วิธีค่อย ๆ เพิ่มสัดส่วนอาหารยี่ห้อใหม่ให้มากขึ้น โดยเทผสมคลุกเคล้ากับอาหารเก่าที่สุนัข แมวกินเป็นปกติ เช่น สัดส่วน 20:80 50:50 70:30 แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอาหารยี่ห้อใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์

การเลี้ยงสุนัข แมวอย่างมีคุณภาพ ต้องใส่ใจรายละเอียดรอบด้าน การเลือกอาหารที่ดีมีคุณภาพจึงสำคัญต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ที่จะตามมาได้ นอกจากนี้ เจ้าของควรแบ่งเวลามาเล่นกับสุนัข แมว และให้ได้ออกกำลังกายด้วย จึงจะทำให้สัตว์นั้นมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงและอายุยืน

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการทำหมันสุนัข แมว

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการทำหมันสุนัข แมว

สุนัข แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับคนเรามานาน ซึ่งความสามารถในการเลี้ยงสัตว์ของแต่ละครอบครัวมักมีจำกัด การทำหมัน สุนัข แมว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ออกลูกจำนวนมากจนเกินไป จึงเป็นสิ่งจำเป็น

การทำหมันสุนัขและแมวทำได้ทั้งสองเพศ โดยก่อนทำหมัน สัตวแพทย์จะมีการคํานวณปริมาณยาสลบที่ใช้ตามน้ำหนักตัว เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสัตว์ และทำหมันภายในห้องที่ปลอดเชื้อโรค มีอุปกรณ์ผ่าตัด เช่น คีม กรรไกร ไหมเย็บ ที่ทำความสะอาดพร้อมใช้ เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงของคุณ

การทำหมันสุนัขและแมว ตัวเมีย

ส่วนใหญ่ใช้วิธีการตัดรังไข่และมดลูกออกไปจากตัวเมีย ซึ่งเรียกว่าวิธี OVH ทำให้ไม่มีโอกาสตั้งท้องได้อีกร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งในอดีตจะใช้วิธีตัดเอาเฉพาะรังไข่ออกจากตัว แต่ก็จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อภายในมดลูก ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพสัตว์ได้

บางกรณีที่เลือกตัดเฉพาะมดลูกออกจากตัวเมีย เพื่อให้มีรังไข่สำหรับสร้างฮอร์โมนอยู่ แต่ก็จะมีผลเสียคือ ตัวเมียยังมีอาการคล้ายติดสัดได้และเกิดการยอมให้สัตว์ตัวผู้มาผสมพันธุ์ได้อยู่

การทำหมัน สุนัข แมว ตัวเมียแบบ OVH สามารถทำได้เมื่อแมวอายุ 8 เดือน และสุนัขอายุ 6 เดือนขึ้นไป เพราะมั่นใจได้ว่าการระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญของอวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์ทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว จะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพในระยะยาวน้อยที่สุด

การทำหมันสุนัขและแมว ตัวผู้

ในปัจจุบันมี 2 เทคนิค คือ การตัดเอาลูกอัณฑะออกสองข้าง หรือ การตัดท่อนำอสุจิให้ขาด แต่วิธีหลังนั้น จะทำให้สัตว์ตัวผู้ยังมีพฤติกรรมทางเพศอยู่ เพราะยังสามารถผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจากถุงอัณฑะของสัตว์เพศผู้ได้

อย่างไรก็ตาม ก่อนการทำหมัน ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดวันเวลาที่ชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมคือ ต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ถึง 12 ชั่วโมง สำหรับป้องกันไม่ให้เกิดการสำลักอาหารลงในหลอดลมระหว่างการผ่าตัดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทั้งนี้ก่อนการผ่าตัด สัตวแพทย์จะตรวจอีกครั้งหนึ่งว่าสัตว์อยู่ในภาวะปกติ มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีอาการป่วย โดยการตรวจร่างกายทั่วไปและเจาะเลือดเพื่อหาเชื้อโรคร้ายที่อาจซ่อนอยู่ หากผลเลือดออกมาเป็นปกติ ก็สามารถทำหมันได้ตามกำหนด แต่หากมีความผิดปกติที่ต้องรักษาก่อน เจ้าของก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด เมื่อรักษาหายแล้ว จึงค่อยทําหมันเป็นลำดับต่อไป

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจกระบวนการทำหมัน สุนัข แมว ได้ดียิ่งขึ้น การทำหมันที่ถูกต้องจะดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุนัขและแมวจร ที่จะสร้างปัญหาแก่สังคมในอนาคตด้วย

การเลี้ยง สุนัข แมว ทำให้คุณพัฒนานิสัยด้านใดบ้าง

การเลี้ยง สุนัข แมว ทำให้คุณพัฒนานิสัยด้านใดบ้าง

สุนัข แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับคน เป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งสองสามารถสร้างความเพลิดเพลินและลดความเครียดจากการทำงานแต่ละวันให้แก่เจ้าของได้ ทั้งมีการศึกษาวิจัยทางสถิติพบว่า สุนัข แมวสามารถทำให้เจ้าของมีการพัฒนานิสัยที่ดีขึ้นได้หลายด้าน ดังนี้

  1. จิตใจอ่อนโยนขึ้น

หลายคนที่เป็นคนหงุดหงิดง่าย อารมณ์ร้อน เมื่อเลี้ยงสุนัข แมว จะมีความอ่อนโยนมากขึ้น ใจเย็น รู้จักให้อภัยได้มากขึ้น เพราะคุณได้เรียนรู้ผ่านธรรมชาติของสุนัข แมว ว่าหากคุณมีเมตตาใจเย็นต่อการสอนคำสั่งต่าง ๆ เขาจะแสนรู้และซื่อสัตย์ต่อคุณอย่างมาก จนคุณรู้สึกเอ็นดูและรักมากขึ้นทุกวัน จนทำให้คุณกลายเป็นคนที่จิตใจเมตตาอ่อนโยนมากขึ้นในที่สุด

  1. อดทนได้นานขึ้น

การที่คุณอยู่กับสุนัข แมวเป็นประจำและต้องการฝึกฝนให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่ง เช่น ให้ปัสสาวะอุจจาระเป็นที่เป็นทาง ให้คอยเวลากินอาหาร สอนไม่ให้กัดแทะรองเท้าเฟอร์นิเจอร์ สอนให้ยกมือสวัสดี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ความอดทนสูงในการสั่งสอนซ้ำ ๆ มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านี้มีระดับการเรียนรู้ได้มากใกล้เคียงกับเด็กวัยอนุบาลทีเดียว ดังนั้นยิ่งคุณได้ฝึกสุนัข แมวให้เชื่อฟังคำสั่งได้มากเท่าไหร่ คุณก็ได้ฝึกความอดทนมากขึ้นเท่านั้น

  1. มีมนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น

คนที่เลี้ยงสุนัข แมวมักมีอารมณ์ดีขึ้น มีการพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ ซึ่งจะเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วยความรักที่คุณมีต่อสัตว์ จึงทำให้คุณกลายเป็นคนเปิดเผย มีมนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น สามารถคุยกับเพื่อนใหม่ ๆ ได้นานขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสุนัข แมว การพูดคุยกันเรื่องสัตว์เลี้ยงนั้นยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนผูกมิตรกันได้ง่าย และป้องกันปัญหาการขัดแย้งกันได้ แทนที่จะคุยเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ หรือความเชื่อ

  1. ช่วยให้รักการออกกำลังกายมากขึ้น

สุนัข แมวหลายสายพันธุ์มีอุปนิสัยร่าเริง กระตือรือร้น ชอบวิ่ง จึงเป็นเพื่อนออกกำลังกายที่ดีของเจ้าของ ช่วยกระตุ้นให้เจ้าของได้มีการขยับเขยื้อนร่างกาย ลดความเครียด ซึมเศร้า และการออกกำลังกายร่วมกันยังเป็นการเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ดีต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์เลี้ยงด้วย เพียงมีเวลาเล่นหรือออกกำลังกายด้วยกันวันละ 30 นาที ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข แมว ทำให้คุณมีอุปนิสัยที่ดียิ่งขึ้นหลายด้าน เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณอยากเลี้ยงสุนัข แมวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณควรเตรียมความพร้อมเรื่องสถานที่ ทุนทรัพย์สำหรับการซื้ออาหาร การฉีดวัคซีน รวมถึงการจัดสรรเรื่องเวลาให้แก่สัตว์เลี้ยงได้อย่างเพียงพอด้วย

โรคพิษสุนัขบ้า มหันตภัยร้ายสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง

ในอดีตพอเข้าช่วงหน้าร้อน มักจะได้ยินประกาศของกระทรวงสาธารณสุขทางโทรทัศน์หรือไม่ก็เสียงตามสายของเทศบาลหรือ อบต.ในหมู่บ้าน ให้นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีน ให้เฝ้าระวังสุนัขจรจัดที่อาจเป็นต้นตอของโรคพิษสุนัขบ้า และคอยสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยง แม้ว่าปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์พัฒนาไปไกล แต่ทว่ายังขาดหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลและเฝ้าระวังโรคดังกล่าวนี้อย่างเป็นระบบ เช่น การทำหมัน ฉีดวัคซีนให้สุนัขจรจัด หรือตามที่สาธารณะต่าง ๆ อย่างเช่น วัดและตลาดสด ดังนั้นเราทุกคนจึงต้องระมัดระวังตนเองและอยู่ในความไม่ประมาท ต่อจากนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้ามาเป็นแนวทางเพื่อให้เกิดความเข้าใจและจะได้ช่วยกันหาทางป้องกันได้อย่างเหมาะสม

โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดเชื้อในระบบประสาทจากสัตว์สู่คน มีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการคิดค้นยาเพื่อใช้ในการรักษา จึงมีเพียงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน โรคพิษสุนัขบ้า เท่านั้น โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น สมอง ไขสันหลัง การเคลื่อนไหว และอวัยวะสัมผัสทั้ง 5 พบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว หมู หนู วัว ลิง ค้างคาว กระรอก กระต่าย ในประเทศไทยพบในสุนัขกว่า 95% รองลงมาพบในแมวและวัว ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงสามารถติดเชื้อได้โดยการสัมผัสเชื้อไวรัสจากน้ำลายของสัตว์ที่เป็นโรค ผ่านทางบาดแผล และเยื่อเมือกในตาและปาก ที่ถูกกัด ข่วน หรือ เลีย เป็นต้น

อาการที่พบในคน หากติดเชื้อพิษสุนัขบ้า

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการในช่วง 3 สัปดาห์ ถึง 3 เดือนขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ถูกกัด ขนาด และความลึกของบาดแผล ในระยะแรก ผู้ป่วยจะมีอาการเป็นไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามตัว และอาจมีอาการเจ็บ เสียวแปล๊บ หรือคันอย่างมากในบริเวณที่ถูกกัด ระยะที่สองเริ่มมีอาการทางสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย กลืนลำบาก รวมถึงอาการกลัวน้ำ มีอาการชักและเป็นอัมพาต ระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะเสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว

สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จะมีอาการที่เห็นได้ชัดเจนคือ หงุดหงิด ดุร้าย และก้าวร้าวกว่าปกติ สลับกับอาการเซื่องซึม ลิ้นห้อย น้ำลายไหล ขากรรไกรค้าง กลืนอาหารลำบาก เสียงร้องเปลี่ยน เริ่มมีอาการชักกระตุกและเดินไม่สะดวก ควรรีบนำใส่กรง ไปพบสัตว์แพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที และกักบริเวณภายในบ้านอย่างน้อยประมาณ 45 วัน

วิธีปฏิบัติเมื่อถูกสุนัขหรือสัตว์อื่นกัด

  1. รีบล้างบาดแผลให้เร็วที่สุด ด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาด อย่างน้อย 15 นาที แล้วเช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น ยาโพวิโดนไอโอดีนลงในบาดแผล เพราะจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคแต่ไม่ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อหรือผิวหนัง เป็นต้น
  2. สังเกตอาการและลักษณะของสัตว์ที่กัด จากนั้นสืบหาเจ้าของ เพื่อสอบถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ภายในเวลา 10 วัน ถ้าสุนัขตายให้รีบนำซากไปให้แพทย์ตรวจทันที
  3. รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมนำสมุดวัคซีนหรือประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและบาดทะยักไปด้วย (ถ้ามี) เพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ 

โรคพิษสุนัขบ้าพบได้ตลอดทั้งปี ไม่เฉพาะแต่ในช่วงหน้าร้อน ทางที่ดีจึงควรนำ สุนัข แมว สัตว์เลี้ยง ไปฉีดวัควีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบ 2 ครั้งในขวบปีแรก ระหว่าง อายุ 3 เดือน และ 6 เดือน จากนั้นฉีดกระตุ้นซ้ำตามกำหนดเวลาในทุก ๆ ปี และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปคลุกคลีกับสุนัขหรือแมวอื่น ๆ นอกบ้าน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง ตัวคุณเอง และสวัสดิภาพของคนในชุมชนอีกด้วย 

หากต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าสามารถติดต่อไปได้ที่ กรมควบคุมโรค สายด่วน 1422, สำนักโรคติดต่อทั่วไป โทร. 0-2590-3177-78, กรมปศุสัตว์ โทร. 0-2653-4444 ต่อ 4161-2, สถานเสาวภา สภากาชาดไทย โทร. 0-2252-0161-7, สำนักงานสาธารณะสุขและปศุสัตว์ในระดับอำเภอและจังหวัด ตลอดจนโรงพยาบาลสัตว์ทุกแห่ง