โรคที่พบบ่อยในสุนัขต้องระวัง 2565

การเลี้ยงสุนัขให้สุขภาพดีได้นั้น เจ้าของต้องใส่ใจดูแลและหมั่นสังเกตความผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้สุนัขป่วยจนเกินเยียวยา หรือหากเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงบางชนิดก็อาจติดต่อไปสู่สัตว์เลี้ยงอื่นในบ้านและเจ้าของได้ด้วย เรามาดูกันว่าโรคที่พบบ่อยในสุนัขที่ต้องระวัง มีอะไรบ้าง

  1. โรคอ้วน – โรคอ้วนพบมากในสุนัขที่เจ้าของให้กินอาหารแบบเดียวกับคน ซึ่งจะมีปริมาณแป้งและไขมันที่สูงกว่าการกินอาหารเม็ดหรืออาหารกระป๋องของสุนัขทั่วไป ทั้งนี้ต้องควบคุมจำนวนมื้อให้เหมาะสมกับช่วงอายุของสุนัขด้วย มิเช่นนั้นจะกลายเป็นโรคอ้วนสังเกตจากพุงที่ใหญ่ และการเดินที่ช้าอุ้ยอ้าย และนำไปสู่การเป็นโรคความดันและไขมันสูงในสุนัขด้วย
  2. โรคพยาธิหนอนหัวใจ – พยาธิหนอนหัวใจนั้นมีพาหะนำโรคที่สำคัญคือ ยุง ดังนั้นต้องวางกรงเลี้ยงสุนัขในจุดที่ไม่เป็นมุมมืดหรือใกล้กับบริเวณน้ำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง หากสุนัขติดเชื้อแล้วจะมีอาการซึมไม่ร่าเริง เบื่ออาหาร เหนื่อยหอบง่าย และมีอาการท้องบวม หากนานเข้าพยาธิตัวแก่อาจไปอุดตันตามหลอดเลือดและทำให้เสียชีวิตได้
  3. ฟันผุ – แม้ว่าผู้เป็นเจ้าของส่วนใหญ่จะไม่ได้แปรงฟันให้สุนัข แต่วิธีการง่าย ๆ ในการกำจัดหินปูนและป้องกันฟันผุ ก็คือหมั่นให้สุนัขเคี้ยวขนมหรือของเล่นสำหรับสุนัขที่มีความแข็งพอเหมาะ มีแบรนด์สินค้าสุนัขชั้นนำมากมายที่ออกแบบดีไซน์ออกมาเพื่อตอบโจทย์นี้ มีการพัฒนาสี กลิ่น รส ที่ถูกใจสุนัขส่วนใหญ่ เช่น รสตับ รสเนื้อวัว รสไก่ ฯลฯ นอกจากลดปัญหาฟันผุได้แล้ว ยังช่วยลดปัญหากลิ่นปากอีกด้วย
  4. โรคลำไส้อักเสบ – ปัญหาลำไส้อักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในอุจจาระ เมื่อสุนัขไปกินอาหารหรือน้ำจากแหล่งสกปรกที่มีการปนเปื้อนอุจจาระ เชื้อโรคนี้จะเข้าสู่ร่างกายได้ ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ตามช่วงอายุที่สัตวแพทย์แนะนำจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด หากติดเชื้อแล้วจะมีอาการซึมลง อาเจียน ถ่ายเป็นมูกเลือดและมีกลิ่นคาวเหม็นมาก หากพบอาการผิดปกติเหล่านี้ต้องรีบพาไปตรวจรักษาโดยทันที
  5. โรคพิษสุนัขบ้า – พิษสุนัขบ้าเกิดจากเชื้อไวรัส Rabies ที่สามารถติดต่อได้ระหว่างสุนัขและแมว เจ้าของจึงต้องนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้เป็นประจำทุกปี เพราะเป็นโรคที่ไม่มียารักษา หากสุนัขติดแล้วก็จะส่งต่อทางน้ำลายไปสู่คนหรือสัตว์ที่โดนกัดได้ด้วย

โรคที่กล่าวมาทั้ง 5 โรคนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด คนที่เลี้ยงสุนัขจึงต้องศึกษาหาข้อมูลทั้งเรื่องของอาหาร ยา วัคซีน ตั้งแต่เริ่มคิดเลี้ยงสุนัข รวมถึงดูแลสุขลักษณะ พื้นที่อยู่อาศัยของสุนัขให้เหมาะสมด้วย จะลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น

ทาสแมวต้องมีติดบ้านมีอะไรบ้าง ?

เมื่อเข้าสู่วงการทาสแมวแล้วเชื่อว่าทุกคนจะอดใจไม่ไหวที่จะสรรหาของเล่นมามอบให้เจ้านาย 4 ขา นอกจากที่นอนนุ่มๆ และอาหารแมวที่มีประโยชน์แล้ว การมีของเล่นที่ช่วยคลายเครียดและเสริมพัฒนาการของแมวในแต่ละช่วงวัยที่จะช่วยสร้างความสุขให้ทุกชีวิตในบ้านได้ เรามาดูกันว่าของเล่นแมวที่ทาสแมวควรมีได้แก่อะไรบ้าง

เครื่องนวดหัวแมว – ม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่ชอบการนวด เพราะแม้แต่แมวก็เป็นสัตว์ที่ชื่นชอบการถูกปรนนิบัติด้วยเช่นกัน เครื่องนวดหัวแมวจึงเป็นนวัตกรรมเอาใจแมวที่กำลังฮิตอย่างมาก โดยมีหัวแปรงทำจากยางยืดหยุ่น มีความนุ่มกำลังดี ที่หมุนไปมาในทิศทางต่าง ๆ ได้เพื่อนวดหัวแมวได้ทั่วถึงทุกองศา

ลูกบอลในเขาวงกต – ด้วยธรรมชาติที่แมวเป็นสัตว์นักล่าและมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ ลูกบอลเขาวงกตจึงเป็นของเล่นที่ถูกใจแมวทุกวัย โดยมีการดีไซน์ให้มีลักษณะเป็นรางอุโมงซ้อนกันใส่ลูกบอลที่กลิ้งไปมาได้ มีช่องเล็ก ๆ ให้แมวเอาเท้าแหย่เข้าไปเขี่ยลูกบอล

อุโมงค์ผ้า – หากทาสแมวสังเกตดูจะรู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ชอบซุกตัวในภาชนะต่าง ๆ เช่น ถัง กล่อง ขวด โอ่ง ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อแมวได้ การซื้ออุโมงค์แมวที่ทำมาจากผ้าเนื้อนุ่มสะอาดสามารถจัดวางในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ทั่วบริเวณบ้าน จะช่วยให้แมวมีของเล่นที่ถูกสุขอนามัย และปลอดภัยแน่นอน

ตุ๊กตาหนูไขลาน – หนูปลอมไขลานเป็นของเล่นเอาใจเจ้านายที่ต้องมีติดบ้านเป็นอันดับต้น ๆ โดยมีลักษณะเป็นตัวหนูที่สามารถหมุนลานให้วิ่งไปรอบพื้นที่บ้านได้จนกว่าลานจะหมด เป็นการชวนให้แมวออกกำลังกายได้บ่อย ๆ ลดปัญหาโรคอ้วนในแมวได้ไปในตัว

ลูกบอลสำหรับฝนเล็บ – ถ้าไม่อยากให้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านเสียหายจากถูกเล็บแมวขีดข่วน แนะนำให้ซื้อลูกบอลฝนเล็บที่มีการพันไว้ด้วยเชือกป่าน หรือเชือกกระสอบ แล้ววางในห้องต่าง ๆ ที่แมวชอบอยู่ จะป้องกันปัญหาหนังเฟอร์นิเจอร์ขาดหรือเก้าอี้ไม้เป็นรอยได้อย่างมากเพราะใช้เจ้าลูกบอลนี้ดึงดูดความสนใจแทน ใครที่มีลูกแมวเล็ก ๆ กำลังอยู่ในวัยซุกซนต้องรีบหาซื้อไว้

ของเล่นแมวที่กล่าวมาทุกอย่างนั้นมีความน่ารักในดีไซน์และยังออกแบบมาโดยคนรักแมวและวิจัยด้านพฤติกรรมแมวมาอย่างดี มีการใช้วัสดุที่ปลอดภัยและอายุใช้งานนานด้วย เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทาสแมวทุกคนได้รับประโยชน์และเลือกของเล่นได้ถูกใจเจ้านายตัวน้อยได้มากขึ้น

อาหารสุนัข แมวกินได้หรือไม่ ? คำถามสุดฮิต !

หากจะกล่าวถึงสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน สุนัขและแมว เป็นสัตว์ที่คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงไว้ตามบ้าน บางบ้านเลี้ยงสุนัข บางบ้านเลี้ยงแมว ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งการเตรียมอาหารมักไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าบางบ้านเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 ชนิดร่วมกัน ส่งผลให้การจัดเตรียมอาหารของสัตว์ทั้ง 2 ชนิดอาจมีความยุ่งยาก เพราะสุนัขสามารถกินได้ทั้งพืชและเนื้อสัตว์ ในขณะที่แมวกินได้แต่เนื้อสัตว์เท่านั้น นั่นเพราะระบบการย่อยในกระเพาะอาหารของสุนัข แมว มีความแตกต่างกัน

หมา กินอาหารแมว ได้ไหม ?

คำตอบคือ ได้ … เพราะสุนัขสามารถกินได้ทั้งพืชและเนื้อสัตว์ ในอาหารแมวมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ จึงทำให้ไม่พบปัญหา แต่ในระยะยาวจะทำให้ไตของสุนัขทำงานผิดปกติ เนื่องจากร่างกายได้รับแต่โปรตีนที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน โรคไตและนิ่วในไตได้ เพราะอาหารแมวมีปริมาณของโปรตีนและไขมันอยู่มากนั่นเอง

แมว กินอาหารสุนัขได้ไหม?

ด้วยพฤติกรรมของแมวที่มักจะดมอาหารก่อนกิน หากอาหารสุนัขมีกลิ่นผักมากกว่าเนื้อสัตว์อาจทำให้ไม่ยอมกินหรือกินในปริมาณน้อย แต่ถ้าได้กินติดต่อกันไปนาน ๆ ก็จะทำให้แมวได้รับสารอาหารของแมวไม่ครบ โดยเฉพาะโปรตีนที่แมวต้องการมากกว่าสุนัข หากขาดโปรตีนเป็นระยะเวลานานอาจทำให้แมวร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำและเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่ง่ายขึ้น แมวมีความต้องการทอรีนมากกว่าสุนัข ซึ่งทอรีนเป็นกรดอะมิโนขนิดหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยในการดูแลหัวใจ ระบบสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโตของแมวให้เป็นปกติ หากแมวขาดทอรีนจะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกายดังกล่าว วิตามิน เอ เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายแมว

ด้วยพฤติกรรมของแมวส่วนใหญ่มักออกหากินในเวลากลางคืนและนอนหลับในเวลากลางวัน หากแมวขาดวิตามิน เอ ก็จะทำให้ระบบการมองเห็นมีปัญหา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งหากแมวขาดวิตามิน เอ ถึงขั้นร้ายแรงอาจทำให้เป็นตาบอดกลางคืนได้และทำให้ขนหยาบและแห้ง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้เช่นกัน

การป้องกันและแก้ไขปัญหา

เมื่อรู้ถึงอาหารสำหรับสุนัขและแมว เจ้าของควรใส่ใจในการให้อาหารของสัตว์เลี้ยงให้ดี ห้ามให้อาหารสลับกันเป็นระยะเวลานาน อาจให้กินได้เพียงบางมื้อเท่านั้น หากไม่สามารถเตรียมอาหารตามที่ต้องการได้ การเลือกใช้อาหารสัตว์สำเร็จรูปที่เป็นอาหารแมวเฉพาะหรืออาหารสุนัขเฉพาะดูจะมีความเหมาะสมมากกว่าการให้กินเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลานานและที่สำคัญห้ามให้อาหารปนกันเป็นระยะเวลานานด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงของท่านอาจเลือกอาหารสำเร็จรูปเฉพาะของสุนัขและแมว เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามความต้องการของร่างกายและเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงของคุณด้วย และควรรู้ว่าอาหารหมาแมวอาจไม่ถูกปากเรานักเพราะปรุงรสมาให้เหมาะกับสุนัขและแมว การรับประทานเพื่อประชดผลบอลย้อนหลังที่เชียร์ทีมโปรดแล้วผิดหวังนั้นคงไม่เหมาะแน่ๆ

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้นมีคนที่เป็นทาสหมาทาสแมวรวมกลุ่มกันจำนวนมากในเฟซบุ๊ก เนื่องจากทั้งสุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก มีหลายพันธุ์ให้เลือก และส่วนใหญ่ก็ชอบคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดคน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน เรามาดูกันว่าจะมีข้อดีอะไรบ้าง

1. ถูกใจคนทั้งบ้าน

หากในบ้านของเรามีทั้งคนที่ชอบเลี้ยงหมาและแมว ก็สามารถเลี้ยงทั้งสองชนิดได้ เพียงแต่ต้องเลือกสายพันธุ์และเลี้ยงคู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์หรือโกลเด้นที่มีความคิดเล่น ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เป็นสุนัขจอมซน หรือสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิวาวา ปอมปอม ฯลฯ ส่วนแมวก็ควรจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซีย สก๊อตติช ฯลฯ เพื่อลดโอกาสในการกัดกัน เพียงเท่านี้ในบ้านคุณ ก็จะมีสัตว์เลี้ยงที่ถูกใจทุกคนแล้ว

2. ทำให้เรียนรู้ธรรมชาติ

การเรียนรู้ด้านความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากคนเราที่มีอุปนิสัยต่างกันแล้ว การที่เราเลี้ยงดูสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน จะทำให้เราเห็นถึงธรรมชาติของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ด้วย ว่ามีอุปนิสัยตามสายพันธุ์ต่างกันอย่างไร จะทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นคนช่างสังเกตและประนีประนอมมากขึ้นด้วย หากในบ้านคุณมีเด็กเล็ก เขาจะซึมซับการเรียนรู้อุปนิสัยของสัตว์แต่ละชนิด ทำให้มีส่วนเสริมให้เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์สูงได้ด้วย

3. ทำคลิปสร้างรายได้เสียเลย

หากสุนัขและแมวไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยกัน ก็มักจะกัดกัน การเลี้ยงคู่กันจึงดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ คนจำนวนมากจึงอยากรู้ว่าสุนัขและแมวนั้นอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หากคุณสามารถเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ร่วมกันได้และจัดสรรพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถที่จะอัดคลิปลง YouTube ให้คนเห็นแง่มุมความน่ารักของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้จริง ๆ มีความน่ารักน่าเอ็นดูตามธรรมชาติ จะนำมาซึ่งรายได้จากผู้ติดตามหรือการฝากโฆษณาสินค้า เช่น อาหาร เสื้อผ้าสำหรับสุนัขและแมวได้อีกด้วย

4. ทำให้ได้ความรู้ทางสัตววิทยาเพิ่มขึ้น

เมื่อสุนัขและแมวเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมา เช่น ยาชนิดใดใช้ได้กับสุนัขหรือแมวบ้าง ต้องฉีดวัคซีนที่อายุเท่าใดบ้าง หรือ แม้แต่เรื่องธรรมดา เช่นอาหารใดเหมาะกับสุนัขและแมว ฯลฯ เหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องการผู้รู้มาตอบในกลุ่มเฟซบุ๊กมากมาย หากคุณเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 ประเภทนี้ ก็เท่ากับเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ด้านโรค ยาและโภชนาการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิด และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับคนรักหมาแมวด้วย ถือเป็นวิทยาทานกับผู้อื่นได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสุนัขและแมวร่วมกันนั้น แม้อาจจะดูน่าปวดหัว ยุ่งยาก แต่หากเริ่มต้นด้วยความชอบหรือความสงสารสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง นำมาเลี้ยงด้วยความรักและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติม คุณจะได้โอกาสในการพัฒนาตัวเองและสร้างประโยชน์ในวงกว้างต่อไปด้วย

ข้อควรระวัง ดูแลสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงช่วงอากาศหนาวเย็น

ข้อควรระวัง ดูแลสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงช่วงอากาศหนาวเย็น

ช่วงฤดูหนาวในหลายท้องถิ่นอากาศหนาวเย็นเข้ากระดูกจริง ๆ ถึงเวลารื้อค้นเสื้อกันหนาวและผ้าห่มอุ่น ๆ สำหรับสมาชิกครอบครัว แม้แต่ตัวสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงขนปุยอื่น ๆ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเผชิญกับความเย็นเช่นเดียวกัน

สัตว์เลี้ยงหลายสายพันธุ์มีขนค่อนข้างหนาดูเหมือนความปุกปุยจะช่วยปกป้องตัวจากความหนาวเย็นได้ดี แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น แม้เพียงลมหนาวพัดโชยมาหรือวันฝนตกอุณหภูมิต่ำกว่าปกติก็หนาวตัวสั่นแล้ว จำเป็นต้องพิจารณาทั้งขนาดตัวและลักษณะความยาวของขนด้วย เจ้าของควรสังเกตว่าอากาศหนาวเย็นส่งผลต่อสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ อย่างไร

สิ่งที่เห็นบ่อยคือผิวหนังมีลักษณะแห้งและคันในช่วงฤดูหนาวเช่นเดียวกับคนเรา สุนัขขนยาวที่เคยอาบน้ำบ่อยควรเลี่ยงการอาบน้ำในฤดูหนาวให้น้อยที่สุด อาจใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดขนแทนและใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อบำรุงเส้นขนให้ชุ่มชื้น นุ่มสลวย รักษาผิวหนังอักเสบ ลดรังแค และลดอาการคัน หรือให้กินปลาทะเลเพิ่มกรดไขมันประเภทโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงเส้นขนได้เช่นกัน

สำหรับคนที่เลี้ยงแมวหรือสุนัขไว้นอกตัวบ้านกังวลว่าสัตว์เลี้ยงจะหนาวสั่นอยู่ข้างนอก การสวมเสื้อผ้ากันหนาวเป็นทางเลือกที่ดี มองหาในร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงใกล้บ้านว่ามีชุดเสื้อกันหนาวเหมาะกับขนาดตัวสัตว์เลี้ยงหรือไม่ การสวมเสื้อกันหนาวในครั้งแรกรับรองได้ว่าต้องเจอปฏิกิริยาขัดขืนรุนแรงแม้จะฝึกกันมาดีแล้วหรือหนาวจนตัวสั่นก็ยังไม่ยอมสวมเสื้อง่าย ๆ ก่อนอื่นควรหยิบเสื้อมาให้ดูและดมจนคุ้นเคยกับกลิ่นแล้วฝึกวางบนตัว 2-3 นาทีวันละหลายครั้งแต่ยังไม่ต้องบังคับสวม รอให้ผ่านไปสองวันแล้วค่อยตะล่อมให้เริ่มรู้สึกสบายใจ จากนั้นรีบสวมจากด้านบนศีรษะอย่าให้มองเห็นต่อหน้าทำให้สวมง่ายขึ้น

แนะนำให้ฝึกสวมเสื้อกันหนาวตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เลือกเสื้อผ้าที่สวมง่าย ไม่รัดหรือหลวมเกินไป เริ่มจากเสื้อคลุมที่เปิดหน้าท้องโล่งทำให้เกิดสะดวกไม่สะดุด ลองสวมประมาณ 1 นาทีระหว่างนั้นให้ชมเชยและให้รางวัล จากนั้นถอดเสื้อผ้าออก ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ สัตว์เลี้ยงจะเกิดความคุ้นเคยเอง

หากต้องเดินทางไปไหนต่อไหนและนำสัตว์เลี้ยงติดตัวไปด้วย ควรทราบว่าในพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็นอุณหภูมิภายในรถยนต์อาจไม่ต่างจากตู้เย็น ควรระวังเรื่องทิ้งแมวและสุนัขไว้ในรถยนต์กลางแดดที่ร้อนจัดอย่างไร ก็ต้องระวังในขณะอุณหภูมิหนาวเย็นเช่นกัน สัตว์เลี้ยงอาจเจ็บป่วย เป็นไข้ และช็อกตายเนื่องจากภาวะอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ แมวได้ชื่อว่าทนอากาศหนาวได้ดีกว่าสุนัข แต่มักจะเกิดปัญหากรณีที่แมวคลานเข้าไปหาที่อบอุ่นในเพิงที่อันตรายและแอบซ่อนอยู่ในฝากระโปรงรถ ควรเคาะให้แมวหนีออกมาก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย

3 ข้อดีที่สำคัญของการมีสุนัข แมวในชีวิตเรา

3 ข้อดีที่สำคัญของการมีสุนัข แมวในชีวิตเรา

สุนัข แมว เป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์สำหรับทุกครอบครัว และเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คนทั่วโลกเลี้ยงไว้ในบ้าน ด้วยความน่ารักของอุปนิสัยและรูปร่าง-สีสัน ที่เราเลือกได้ตามสายพันธุ์ที่ชอบ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือข้อดีที่เรานำมาเสนอ 3 ข้อ ดังนี้

1.ช่วยให้คลายเครียดและให้ความอบอุ่นใจ
ความเครียดเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เลย เพราะเราทุกคนเชิญหน้ากับปัจจัยที่กระตุ้นให้สารแห่งความเครียดหลั่งในสมองได้ทุกวัน ไม่ว่าจะรถติดไปทำงานแทบไม่ทัน การทำงานที่เคร่งเครียดต้องทำตามเป้าหมายที่สูงขึ้น การแข่งขันในวัยเรียน การเร่งหารายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ฯลฯ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นสุนัขและแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของตัวเองเข้ามาคลอเคลียและแสดงอาการดีใจที่เจ้านายกลับมา ย่อมต้องยิ้มออก แล้วก็รู้สึกดีที่ยังมีใครสักคนรอเราอยู่ที่บ้าน ถึงแม้จะเป็นสุนัขและแมว แต่เขาก็เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้ใจและไม่เคยทำร้ายเรา

2.ลดปัญหาซึมเศร้าและทำให้เห็นคุณค่าในตัวเอง
คนที่อยู่ตัวคนเดียวแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต โดยเฉพาะหากอยู่ในช่วงชีวิตขาลง เช่น อกหัก สอบตก พ่อแม่เสียชีวิต ฯลฯ จะทำให้คิดฟุ้งซ่านได้ การมีสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงและผูกพันกันมา จะเปรียบเหมือนยาที่ดีที่สุด เพราะเราจะรู้สึกตัวเองว่ายังมีคุณค่าในการมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลเขาเหล่านั้น หลายคนที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อได้คลุกคลีและดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้นาน ๆ เข้า ก็จะรู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และหันมาทำสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองและสังคมมากขึ้น

3.สร้างรายได้ให้คนเลี้ยง
การสร้างรายได้ที่มาจากสัตว์เลี้ยง ไม่จำเป็นต้องเป็นการเพาะพันธุ์เป็นฟาร์มสุนัขหรือฟาร์มแมวขายเท่านั้น แต่ยังหมายถึง การแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่น ด้วยการถ่ายคลิปวิดีโอที่ตัวเองเล่นกับสุนัข หรือ กิริยาท่าทางต่าง ๆ ของแมวที่มีความเป็นธรรมชาติ คนส่วนใหญ่จะชอบดูคลิปสุนัขและแมว เพราะรู้สึกผ่อนคลาย อย่าลืมว่า ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ เขาจึงชื่นชอบที่จะดูคลิปมากกว่า จุดนี้เองจึงเป็นการสร้างรายได้ขึ้นมา หากคุณอัปโหลดคลิปขึ้นระบบ YouTube หรือ Facebook และ website ก็จะมีผู้ติดตาม และมีรายได้จากสปอนเซอร์ตามมาได้

การมี สุนัข แมว เป็นเพื่อนนั้น มีข้อดีหลายอย่าง แต่ก่อนจะเลี้ยงต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้วย เช่น ความพร้อมของสถานที่ เวลาที่มีให้ เงินที่พร้อมจ่ายเพื่อค่ายา อาหารและวัคซีน ฯลฯ และยังต้องดูแลไปจนหมดสิ้นอายุขัยที่ประมาณ 10 ปีด้วย หากคุณคำนึงถึงทั้งสองส่วนนี้แล้วยังยืนยันที่จะเลี้ยง เราก็เชื่อมั่นว่าคุณจะได้รับความสุขในทุก ๆ วันจากการเลี้ยงสุนัข แมวเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน

6 นิสัยแมว ๆ ที่ทาสแมวอย่างเราควรรู้ไว้

6 นิสัยแมว ๆ ที่ทาสแมวอย่างเราควรรู้ไว้

แมวขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ขี้เล่น บวกด้วยความดื้อรั้น จนมีพฤติกรรมหลายอย่างของพวกมันที่เจ้าของหรือศัพท์ของคนเลี้ยงแมวเรียกว่าทาส ไม่ค่อยเข้าใจ วันนี้เราจะไปทำความเข้าใจในนิสัยแมว ๆ 6 อย่างที่เราควรจะรู้ไว้

  1. ทำไมแมวชอบกล่องกระดาษ

คนเลี้ยงแมวหลายคนสงสัยว่าทำไมแมวจึงชอบนักชอบหนากับเจ้าลังกระดาษสีน้ำตาล ทั้งมุด ทั้งกัด ทั้งข่วน บางตัวก็ชอบเอาเท้าเขี่ยแย่งกันไปมา เรื่องนี้มีผลวิจัยออกมาแล้วว่า กลิ่นของลังกระดาษเป็นที่โปรดปรานของแมวอย่างที่สุด และการที่ลังกระดาษมีช่องให้มุดได้ ทำให้แมวรู้สึกว่าอยู่กับกล่องกระดาษแล้วรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง

  1. เรียกชื่อแล้วเมินตลอด

ข้อนี้เคยมีงานวิจัยรองรับ พบว่า ความจริงแล้วแมวมีการตอบสนองต่อการเรียกชื่อ เพราะแมวจำชื่อตัวเองได้ เพียงแต่แมวเป็นสัตว์ที่ไม่แสดงการตอบสนองได้ชัดเจนแบบสุนัขเท่านั้น อาจจะแค่ขยับหูหรือหันมามองแว่บหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็ถือว่าแมวรับรู้แล้วนะ จะบอกให้

  1. ดื้อสุด ๆ สั่งอย่าง ทำอีกอย่าง

แมวเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถใช้การลงโทษในการสั่งสอนได้ การแสดงออกในทางชื่นชมจะได้ผลดีกับแมวมากกว่า หรือหากแมวมีพฤติกรรมรุนแรง เช่น โมโหร้าย ชอบข่วน ชอบกัด ทำลายข้าวของภายในบ้าน นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าในบ้านของคุณอาจมีสัตว์แปลกปลอมซ่อนตัวอยู่ก็ได้

  1. ก่อนตะครุบเหยื่อ แมวส่ายก้นทำไม

หากเคยนั่งดูเวลาแมวไล่จับจิ้งจกที่กำแพงหรือพื้น หรือไล่ตะครุบนกที่บินหลงเข้ามาในอาณาเขตของมัน ช่วงจังหวะก่อนที่แมวจะกระโดดตะครุบเหยื่อ ลักษณะท่าทางของมันจะแปลก ๆ คือ ยกก้นโด่งพร้อมกับส่ายก้นไปมา พฤติกรรมนี้เป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของแมวที่ใช้เช็คกล้ามเนื้อขา ว่าพร้อมที่จะกระโดดตะครุบเหยื่อหรือยังนั่นเอง

  1. แมวกรนเพราะอะไร

เรามักจะได้ยินเสียงครางในลำคอของแมวดังคล้าย ๆ เสียง Purr เสียงดังกล่าวไม่ใช่เสียงที่กำลังบอกว่าแมวรู้สึกสบายตัว แต่บางครั้งมันคือสัญญาณความเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจของแมว แมวอาจจะมีปัญหาเรื่องการหายใจจึงต้องออกเสียงครางเพื่อขยายหลอดลม

  1. จริงหรือที่ว่าแมวชอบกินน้ำก๊อก

ไม่ใช่เพราะแมวชอบน้ำจากก๊อกแต่อย่างใด แต่เป็นไปตามสัญชาตญาณ ที่แมวจะระวังไม่ให้หนวดเปียก เพราะมันใช้หนวดในการจับทิศทางของสิ่งต่าง ๆ เปรียบเสมือนเป็นเรดาร์ที่แม่นยำ แมวจึงไม่กินน้ำจากชามที่จะทำให้หนวดเปียก แต่จะกินน้ำที่ไหลจากบริเวณที่สูง

แม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์นักล่าและมีนิสัยระแวดระวังภัย แต่ก็มีหลายพฤติกรรมที่ดูน่ารักจนทาสหลงใหล และหาที่มาของคำถามว่าทำแบบนั้นทำไม เมื่อคิดเลี้ยงแมวก็อย่ามัวแต่ติดเกม ติด ผลบอล 888 ต้องแบ่งเวลามาใส่ใจแมวบ้าง หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทาสทั้งหลายรู้จักเจ้านายสี่ขาของเรามากขึ้น และหายข้องใจกับสิ่งที่มันทำบ่อย ๆ กันเสียที

มารู้จักสังเกตนิสัย สุนัขและแมวเพื่อเฝ้าระวังความเสียหายในบ้านกัน

มารู้จักสังเกตนิสัย สุนัขและแมวเพื่อเฝ้าระวังความเสียหายในบ้านกัน

สำหรับคนที่ชอบเลี้ยงน้องหมาน้องแมวส่วนใหญ่เพื่อต้องการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา ไม่ก็ให้ช่วยเฝ้าบ้านให้ แต่ก็เหนื่อยเหมือนกันที่บางทีน้องหมาน้องแมวซนเหลือเกิน ทำบ้านสกปรกไม่ก็ทำของใช้ในบ้านเสียหาย เรื่องนี้เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการรู้จักสังเกตนิสัยของน้องหมาน้องแมวสุดรัก เพื่อจะได้ป้องกันของใช้ในบ้านไม่ให้เสียหายได้ ควรสังเกตอย่างไรบ้างไปดูกัน

อาการกัดแทะสิ่งของต่าง ๆ ที่จริงแล้วเป็นนิสัยตามธรรมชาติของน้องหมาอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วยโดยเฉพาะหากน้องหมามีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าปกติถึงได้กัดแทะเพื่อสำรวจไปเรื่อย ในเมื่อคงไม่สามารถร้องห้ามน้องหมาได้ตลอดเวลาดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ของใช้ในบ้านเกิดความเสียหายจากการถูกกัดแทะควรจัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ หรือควรเก็บให้พ้นจากระยะสายตาของน้องหมา น้องจะได้ไม่พุ่งเข้าหาเอามาตะกุยหรือกัดแทะจนเกิดความเสียหาย

สำหรับน้องแมวที่รักการข่วนเป็นชีวิตจิตใจ เพราะมีนิสัยนักล่า ชอบป้องกันตัวหรือปีนป่ายเป็นทุนเดิม การร้องห้ามน้องแมวให้หยุดเถอะคงยากทำได้ ดังนั้นวิธีที่เห็นผลได้ดีกับการป้องกันไม่ให้สิ่งของในบ้านถูกขีดข่วนคงทำได้แต่การเบนความสนใจของน้องแมวด้วยการเก็บสิ่งของในบ้านไว้บนที่สูง จัดหาพื้นที่ให้น้องแมวปีนป่ายได้ และที่สำคัญคือการดูแลไม่ให้เล็บของน้องแมวยาวเกินไป เผื่อว่าของใดที่เบี่ยงเบนความสนใจจากน้องแมวไม่ได้ หากถูกข่วนก็จะได้ไม่เสียหายมากนัก

น้องแมวมีนิสัยชอบซ่อนเป็นสัญชาตญาณเพราะจะให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย นอกจากชอบซ่อนตัวในซอกหลืบต่าง ๆ ของบ้าน บางครั้งเมื่อล่าแมลงสาบหรือหนูได้ก็เอาไปซ่อนไว้ด้วยทำให้บ้านสกปรกและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ไม่ควรมีซอกหลืบใดในบ้านที่น้องแมวใช้ซ่อนตัว หรือหากเลี่ยงไม่ได้ให้สร้างมุมส่วนตัวสำหรับน้องแมวไว้นั่งเล่นในบ้านโดยเฉพาะก็ได้

น้องหมาเห็นอะไรน่าสงสัยเป็นขุดไว้ก่อน และเพื่อป้องกันของในบ้านถูกขุดจนเสียหายเช่นต้นไม้ในกระถางที่ปลูกไว้สวย ๆ ตกแต่งบ้านอาจใช้การโรยเครื่องเทศบางชนิดไว้ในกระถางเพื่อสร้างกลิ่นรบกวนไม่ให้น้องหมาเข้าใกล้ ไม่ก็แขวนกระถางให้สูงไว้จะได้ป้องกันไม่ให้ต้นไม้สุดรักเสียหายได้

การขับถ่ายไม่เป็นที่ของน้องหมาน้องแมวน่าจะเป็นปัญหาที่สร้างความเศียรเวียนเกล้าต่อเจ้าของมากที่สุด ดังนั้นวิธีการป้องกันพฤติกรรมทำกลิ่นเสียและสิ่งปฏิกูลภายในบ้านที่ดีที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการฝึกให้น้องหมาน้องแมวรู้จักการขับถ่ายให้เป็นที่ หรือสร้างพื้นที่สำหรับการขับถ่ายสำหรับน้อง ๆ โดยเฉพาะและฝึกให้รู้จักขับถ่ายบริเวณนั้นอยู่เสมอ

พฤติกรรมเหล่านี้เป็นธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงที่คนเราไม่อาจห้ามน้อง ๆ ไม่ให้ทำได้ ดังนั้นทางป้องกันที่ดีที่สุดนอกจากการฝึกสอนพฤติกรรมที่ถูกต้องให้สัตว์ที่เลี้ยงไว้คือการจัดวางสิ่งของภายในบ้านให้ห่างจากวิถีการกระโจนตัวของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นได้

บอกลาปัญหาหมาแมวไม่ถูกกันด้วยวิธีง่าย ๆ ที่คนรักสัตว์ต้องทำตาม

บอกลาปัญหาหมาแมวไม่ถูกกันด้วยวิธีง่าย ๆ ที่คนรักสัตว์ต้องทำตาม

ปัญหาหมาแมวไม่ถูกกัน นับเป็นปัญหาใหญ่ที่คนเลี้ยงสัตว์ต้องเจอ และหากกำลังเผชิญปัญหานี้ ขอแนะนำวิธีช่วยบอกลาปัญหาน้องหมาและน้องแมวไม่ถูกกัน รับรองว่าทำตามได้ง่าย คนรักสัตว์ต้องชอบแน่นอน

1.เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพามาเจอกัน
หากต้องการบอกลาปัญหานี้ บอกเลยว่าต้องเริ่มต้นจากเจ้าของสัตว์ก่อน เพราะต้องแน่ใจว่าพร้อมจริง ๆ สำหรับการเลี้ยงเจ้าสุนัขและแมว นอกจากนี้ยังต้องเตรียมบริเวณบ้านให้พร้อมสำหรับการพาสัตว์ทั้งสองชนิดมาอยู่ด้วย นั่นคือ ควรมีห้องอย่างน้อยสองห้อง เพราะการทำความรู้จักกันระยะแรกจำเป็นต้องแยกสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ออกห่างกันนานพอสมควร

2.เริ่มต้นทำความรู้จักกันผ่านกลิ่น
ได้เวลาพาน้องหมาและน้องแมวทำความรู้จักกัน เริ่มต้นควรทำความรู้จักผ่านกลิ่นไปก่อน เพราะสัตว์จะทำความคุ้นเคยผ่านกลิ่น โดยควรแยกสัตว์ทั้งสองชนิดให้อยู่คนละห้องกัน จากนั้นลูบตัวแมวเบา ๆ ก่อนนำมือนั้นมาลูบที่ตัวสุนัข จากนั้นทำเช่นเดียวกัน นั่นคือลูบตัวสุนัขและมาลูบตัวแมว เพื่อให้ทั้งสองเริ่มได้กลิ่นกันและกัน เมื่อทำไปสักระยะแนะนำให้สลับห้อง โดยให้สุนัขไปอยู่ในห้องที่แมวเคยอยู่และนำแมวมาอยู่ในห้องที่สุนัขเคยอยู่ ซึ่งจะทำให้คุ้นเคยกลิ่นกันมากขึ้น

3.พามาเจอกันในช่วงเวลาผ่อนคลาย
หลังจากสลับห้องกันแล้ว อย่าลืมสังเกตว่าสุนัขและแมวมีอาการฉุนเฉียวเมื่อได้กลิ่นฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ ซึ่งหากยังมีอาการควรใช้วิธีสลับห้องอีกสักระยะ แต่หากสังเกตว่าน้องหมาและน้องแมวมีอาการผ่อนคลาย แนะนำให้ลองพามาเจอหน้ากัน โดยอาจใช้เวลาเพียง 10-15 นาที แต่ช่วงเวลานี้ควรสังเกตด้วยว่าทั้งสองฝ่ายมีอาการตื่นกลัวหรือฉุนเฉียวหรือไม่ จากนั้นจึงค่อยแยกกันอยู่เหมือนเดิม

4.เพิ่มเวลาเจอหน้ากันทีละนิด
หากการเจอหน้ากันครั้งแรกไปได้สวย ไม่มีอาการฉุนเฉียว ครั้งต่อไปให้เพิ่มเวลาทีละนิด เช่น 20-30 นาที โดยครั้งนี้อาจเผชิญหน้ากันตรง ๆ โดยควรอุ้มแมวไว้ ส่วนสุนัขก็ควรใช้สายลากจูง เพราะหากว่าปะทะกันเมื่อไหร่จะได้ห้ามได้ทัน โดยการเจอกันแต่ละครั้งควรควบคุมสถานการณ์ไม่ให้รุนแรง เพราะทั้งสองฝ่ายอาจกลายเป็นคู่อริกันได้

5.พาน้องแมวเข้าบ้านก่อนน้องหมา
หากเป็นไปได้แนะนำให้พาน้องแมวเข้าบ้านก่อนสุนัข เนื่องจากสุนัขมีสัญชาตญาณจ้าถิ่นและหวงอาณาเขต การพาน้องแมวเข้าบ้านก่อนจะทำให้น้องหมาปรับตัวได้ง่าย ที่สำคัญตลอดเวลาที่เลี้ยงควรให้ความรักเท่ากัน เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดรู้สึกอิจฉา

คนรักสัตว์คนไหนที่ต้องการเลี้ยงน้องหมาและน้องแมวด้วยกัน แนะนำให้วางแผนดี ๆ เพื่อสอนให้สัตว์ทั้งสองชนิดเป็นมิตรกันมากขึ้น รับรองว่าถ้าสุนัขและแมวไม่หาเรื่องทะเลาะกันบ่อย ๆ จะช่วยทำให้คนรักสัตว์เลี้ยงสัตว์ทั้งสองชนิดได้อย่างสบายใจมากขึ้นแน่นอน

6 ความลับของสุนัข แมวที่คนรักสัตว์ส่วนมากอาจไม่รู้

6 ความลับของสุนัข แมวที่คนรักสัตว์ส่วนมากอาจไม่รู้

“สุนัข แมว” สัตว์เลี้ยงแสนรักที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านานถึงขั้นที่มองตากันก็รู้ใจเลยทีเดียว แต่ใครบนโลกต่างก็มีความลับใช่ไหมล่ะ เพราะน้องหมาน้องแมวของเราก็มีความลับที่เราอาจไม่รู้เช่นกัน! อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าความลับที่ว่านั้นคืออะไร มาดูเฉลยให้หายข้องใจไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

ความลับของสุนัข

1.น้ำย่อยมหัศจรรย์

สงสัยไหมว่า สุนัขนั้นกินกระดูกและอาหารที่ดูสกปรกได้อย่างไร คำตอบคือเพราะน้ำย่อยในกระเพาะน้อง ๆ มีความเป็นกรดสูง ช่วยในการย่อยกระดูกและฆ่าเชื้อโรคไปในตัว แต่ให้ดีควรหลีกเลี่ยงกระดูกต้มสุกจัดและมีชิ้นแข็งและใหญ่ เพราะกระดูกที่สุกจะมีโอกาสแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แหลม ๆ แทงลำไส้และกระทบต่อสุขภาพฟันของน้อง ๆ​ ด้วย

2.กระดิกหางไม่ได้แปลว่าอารมณ์ดี

คนหลายคนอาจจะเข้าใจว่าน้องหมากระดิกหางเพราะต้องการผูกมิตรหรือกำลังร่าเริง แต่ในความเป็นจริงแล้วขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะการกระดิกหางอาจเป็นสัญญาณว่าน้อง ๆ กำลังตื่นเต้นหรือหงุดหงิดอยู่ ซึ่งสังเกตได้จากหางที่ตั้งชู ส่ายไปมาแบบเกร็ง ๆ หูตั้งและสายตาที่จ้องมองแบบไม่เป็นมิตร

3.สมองอายุเท่าเด็ก 2 ขวบ 

มีงานวิจัยออกมาว่าการทำงานของสมองน้องหมานั้นมีอายุเท่ากับเด็ก 2 ขวบ จึงทำให้น้อง ๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กตลอดเวลาไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แถมยังขี้เบื่ออีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสุนัขถึงอยู่ไม่สุข ชอบวิ่งเล่น กัดแทะสารพัด นั่นเป็นเพราะน้อง ๆ ต้องการความสนใจจากเจ้าของที่เขารักนั่นเอง 

ความลับของแมว 

1.นิ้วเท้าไม่เท่ากัน 

ทาสแมวเคยสังเกตนิ้วเท้าของน้องแมวตัวเองกันบ้างหรือเปล่า นิ้วเท้าที่ว่านั้นหมายถึงน้อง ๆ มีจำนวนนิ้วเท้าหน้าและหลังที่ไม่เท่ากัน โดยเท้าหน้านุ่ม ๆ ของน้อง ๆ จะมีจำนวน 5 นิ้วและเท้าหลังมีเพียง 4 นิ้วเท่านั้น อย่ารอช้า ลองไปนับนิ้วของน้องเหมียวเลย! 

2.ไม่มีต่อมรับรสหวานโดยเฉพาะ 

น้องแมวมีต่อมรับรสเพียง 500 ต่อมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับคนที่มีถึง 10,000 ต่อมรับรส แถมเจ้าเหมียวไม่มีต่อมในการรับรสหวานอีกต่างหาก ดังนั้นจมูกของน้องแมวจึงทำหน้าที่แทนข้อบกพร่องทางต่อมรับรส น้องแมวจึงเลือกดมอาหารก่อนกินอยู่เสมอ 

3.นวดหมายถึงอะไร!

ทาสแมวบางคนอาจจะเคยเห็นน้องแมวเอาเท้าหน้ากด ๆ คล้ายกับการนวด ไม่ว่าจะเป็นโซฟา พรมหรือตัวเจ้าของเอง ตามจริงน้องแมวไม่ได้มีเจตนาใจดีอยากนวดนะ แต่การนวดหมายถึงการแสดงอาณาเขตและความเป็นเจ้าของ เพราะที่อุ้งเท้ามีต่อมกลิ่นอยู่ต่างหากล่ะ 

หลังจากรู้ความลับแล้ว เราหวังว่าเหล่าคนรักสุนัข แมว​ทั้งหลายจะเข้าใจและรู้จักน้อง ๆ มากขึ้นนะ รู้ขนาดนี้แล้วก็อย่าลืมที่จะใส่ใจและให้ความรักกับน้อง ๆ อย่างสม่ำเสมอด้วยล่ะ