10 สถานสงเคราะห์สัตว์ในประเทศไทย ปี 2567 ที่คนรักสุนัขและแมวไม่ควรพลาด

10 สถานสงเคราะห์สัตว์ในประเทศไทย ปี 2567 ที่คนรักสุนัขและแมวไม่ควรพลาด

1.มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย – ภูเก็ต: ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสวัสดิภาพของสุนัขและแมวจรจัดในประเทศไทย พวกเขามีโปรแกรมการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม การทำหมัน และการรักษาพยาบาลสำหรับสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ

2.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ไทย – กาญจนบุรี: เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูสุนัขและแมวจรจัด โดยมีสถานที่ปลอดภัยและการดูแลทางการแพทย์แก่สุนัขและแมวจรจัด

3.Rescue Paws – หัวหิน: ที่พักพิงแห่งนี้มุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือและฟื้นฟูสุนัขและแมวข้างถนนในพื้นที่หัวหิน พวกเขายังดำเนินโครงการเข้าถึงชุมชนเพื่อให้ความรู้แก่คนในท้องถิ่นเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์

4.The Man That Rescues Dogs – เชียงใหม่: สร้างชื่อเสียงจากหนังสือชื่อเดียวกัน ที่พักพิงแห่งนี้ช่วยเหลือและดูแลสุนัขจรจัดในภูมิภาคเชียงใหม่ มอบโอกาสให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการรับเลี้ยง

5.มูลนิธิช่วยเหลือชุมชนกรุงเทพ (BCH): BCH ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ดำเนินงานสถานสงเคราะห์สำหรับสัตว์จรจัดและถูกทอดทิ้ง โดยจัดให้มีการดูแลทางการแพทย์ อาหาร และที่พักพิงจนกว่าพวกมันจะสามารถรับเลี้ยงไว้ในบ้านแสนรักได้

6.Headrock Dogs Rescue – ประจวบคีรีขันธ์: ศูนย์พักพิงแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู และจัดหาบ้านให้กับสุนัขจรจัด โดยมุ่งเน้นที่การจัดหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและการเลี้ยงดูให้กับพวกมัน

7.สหพันธ์สัตว์พัทยา: พันธมิตรคนรักสัตว์ที่ให้บริการในพื้นที่พัทยาแห่งนี้ ดำเนินธุรกิจที่พักพิงสำหรับสัตว์ที่ถูกทิ้งและถูกทารุณกรรม รวมถึงสุนัขและแมว พวกเขายังดำเนินโครงการทำหมันและทำหมันเพื่อควบคุมประชากรสัตว์ในท้องถิ่นด้วย

8.สมาคมสวัสดิภาพสัตว์ภูเก็ต (PAWS): PAWS ดำเนินกิจการศูนย์พักพิงและการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมในจังหวัดภูเก็ต โดยให้การดูแลสุนัขและแมวจรจัดและถูกทอดทิ้ง พวกเขายังให้บริการทำหมันและทำหมันเพื่อลดจำนวนสัตว์จรจัดอีกด้วย

9.สวัสดิภาพสัตว์ลันตา – เกาะลันตา: ที่พักพิงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะลันตา ช่วยเหลือและฟื้นฟูสัตว์จรจัด รวมถึงสุนัขและแมว และทำงานเพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ผ่านโครงการให้ความรู้ในชุมชน

10มูลนิธิช่วยเหลือสุนัขและแมวสันติสุข – เชียงใหม่: อุทิศให้กับการปรับปรุงชีวิตของสัตว์จรจัดในภาคเหนือของประเทศไทย ที่พักพิงแห่งนี้ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และดูแลสุนัขและแมวให้อยู่ใหม่ ในขณะเดียวกันก็ดำเนินโครงการริเริ่มด้านการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบ

ศูนย์พักพิงเหล่านี้ให้บริการที่สำคัญสำหรับประชากรสัตว์จรจัดในประเทศไทย และเปิดโอกาสให้คนรักสัตว์ได้สนับสนุนความพยายามของพวกเขาผ่านการเป็นอาสาสมัคร การบริจาค หรือการรับเลี้ยงเพื่อนขนปุย

วิธีที่ทำให้น้องหมาน้องแมวเป็นเพื่อนกัน

การแนะนำสุนัขและแมวให้รู้จักกันอาจเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปซึ่งต้องใช้ความอดทนและการดูแลอย่างระมัดระวัง นี้เป็นวิธีบางส่วนเพื่อช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสุนัขและแมว คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสที่สุนัขและแมวของคุณจะเป็นเพื่อนกัน

ค่อยเป็นค่อยไป

-การแนะนำตัวที่เข้มแข็งสามารถส่งผลย้อนกลับได้ ในตอนแรกให้เก็บพวกมันไว้คนละห้อง และปล่อยให้พวกมันคุ้นเคยกับกลิ่นของกันและกันโดยการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือถูผ้าเช็ดตัวกับตัวหนึ่งแล้ววางไว้ใกล้พื้นที่ของอีกฝ่าย

การแนะนำแบบค่อยเป็นค่อยไป

-เมื่อพวกเขาดูสงบด้วยกลิ่นหอม ให้พบปะและทักทายในบริเวณที่เป็นกลางโดยมีสุนัขสวมสายจูง ปล่อยให้แมวไปมาตามต้องการ ให้รางวัลพฤติกรรมสงบด้วยขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว

การจัดการและการกำกับดูแล

-จัดการประชุมครั้งแรกให้สั้นและเป็นบวก หากมีพฤติกรรมก้าวร้าว ให้เบี่ยงเบนความสนใจอย่างใจเย็นแล้วพาพวกเขาไปด้วยของเล่นหรือขนม อย่าปล่อยให้พวกเขาไม่ได้รับการดูแลจนกว่าความไว้วางใจจะถูกสร้างขึ้น

แยกช่องว่าง

-จัดเตรียมพื้นที่แยกต่างหากเพื่อให้สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวรู้สึกปลอดภัย เช่น ต้นไม้แมวสำหรับแมว และเตียงสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ วิธีนี้ช่วยให้พวกมันล่าถอยพื้นที่ได้หากจำเป็น

การเสริมแรงเชิงบวก

-ให้รางวัลสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวด้วยขนมและชมเชยเมื่อพวกมันอยู่ด้วยกันอย่างสงบ สิ่งนี้ช่วยเชื่อมโยงกันและกันด้วยประสบการณ์เชิงบวก

การฝึกอบรม

-การฝึกสุนัขให้เชื่อฟังอาจเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่ง เช่น ‘นั่ง’ และ ‘อยู่ต่อ’ เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้นระหว่างการโต้ตอบ

ความอดทน

-การสร้างมิตรภาพต้องใช้เวลา อดทนและเฉลิมฉลองชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่สุนัขและแมวทุกตัวจะกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดได้ แต่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติถือเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

ศึกษาภาษาหมาจาก 8 ท่าทางที่บอกว่าเจ้าตูบรักคุณ

สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์เรามีความผูกพันด้วยมาอย่างยาวนาน ถึงแม้พวกมันจะไม่สามารถพูดได้ แต่แสดงออกมาจากสีหน้า ท่าทางและแววตาได้อย่างจริงใจ ซึ่งหากใครเลี้ยงสุนัขก็จะสัมผัสถึงความรู้สึกที่พวกมันแสดงออกมาได้ราวกับว่าพูดภาษาเดียวกัน แต่หากใครยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าตูบที่บ้านกำลังแสดงออกนั้นหมายความว่าอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ 

1.สุนัขจ้องตาคุณ ในขณะที่คุณกำลังอุ้มมันขึ้นมา ปรากฏว่ามันจ้องตานั้นแปลว่ามันรักคุณ แต่หากมันบ่ายเบี่ยงไม่สนใจแสดงว่าเจ้าตูบตัวนั้นไม่ได้สนใจคุณเท่าไหร่นัก ลองนำไปใช้กับสุนัขที่คุณกำลังจะไปซื้อมาเลี้ยงหรือสุนัขที่บ้านดูแล้วจะรู้ว่าพวกมันคิดอย่างไรกับคุณ

2.หลังทานอาหารมักคลอเคลีย เมื่อสุนัขเข้ามาคลอเคลียหลังจากที่กินเสร็จ แม้ว่าจะเลอะก็อย่าพึ่งรำคาญเพราะนั้นเป็นการแสดงความรักของเจ้าตูบนั้นเอง 

3.เดินตามไปทุกที่ ในช่วงที่คุณเดินไปไหนมาไหนแล้วพบว่าสุนัขที่บ้านเดินตามติดไม่หยุด ก็อย่าพึ่งรำคาญพวกมันเลย ด้วยสุนัขนั้นเป็นสัตว์สังคมการได้อยู่ร่วมกันเป็นฝูงหรือเจ้านายจะทำให้พวกมันมีความสุขและเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งด้วย

4.ยักคิ้วให้ เป็นกิริยาท่าทางที่ทำให้เจ้าของหลายคนขำและมีรอยยิ้มไม่น้อย เมื่อสุนัขสามารถยักคิ้วได้ ไม่เพียงทำให้คุณได้เห็นความน่ารักเท่านั้น ยังเป็นสิ่งที่บอกว่ามันรักเจ้านายของมันสุด ๆ

5.นอนหลับกับคุณ เป็นเรื่องปกติที่สุนัขจะนอนร่วมกับเจ้าของ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่อนุญาตก็ตาม แต่เจ้าตูบก็ได้แสดงความรักไปแล้วว่าต้องการนอนกับเจ้าของ

6.เจ้าตูบมักจะกระโจนเข้าใส่ เจ้าของส่วนใหญ่คงไม่ค่อยชื่นชอบพฤติกรรมแบบนี้ เพราะเมื่อเจ้าตูบกระโจนใส่มักจะทำให้เลอะ แต่อย่าพึ่งรำคาญไป เพราะนั้นเป็นสิ่งที่มันกำลังแสดงออกมาว่าดีใจมากๆ ที่ได้เจอหน้าและรักคุณที่สุด 

7.เจ้าตูบจอมยืนพิง เป็นพฤติกรรมที่สื่อได้ว่าน้องหมากำลังเกิดความกังวลบางอย่าง การยืนพิงเจ้าของทำให้รู้สึกปลอดภัย เพราะมันเชื่อใจคุณ หากเจ้าตูบยืนพิงก็อย่าพึ่งรำคาญไปเพราะคุณคือที่พึ่งของมันนั้นเอง

8.เดินตามไปทุกที่ ในช่วงที่คุณเดินไปไหนมาไหนแล้วพบว่าสุนัขที่บ้านเดินตามติดไม่หยุด ก็อย่าพึ่งรำคาญพวกมันเลย ด้วยสุนัขนั้นเป็นสัตว์สังคมการได้อยู่ร่วมกันเป็นฝูงหรือเจ้านายจะทำให้พวกมันมีความสุขและเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งด้วย

จากภาษาท่าทาง 8 ท่าของเจ้าตูบคงทำให้คนที่ไม่เคยเลี้ยงสุนัขเกิดความประทับใจไม่น้อย อีกทั้งในส่วนของคนที่เลี้ยงอยู่แล้วอย่างเจ้าของคงได้รู้แล้วว่าสุนัขที่บ้านนั้นรักคุณมากแค่ไหน หากพบพฤติกรรมที่เรากล่าวไปอย่าพึ่งรำคาญเขาหากแสดงออกมากเกินไป เพราะนั้นคือทางเดียวที่มันจะบอกความรู้สึกที่มีต่อเจ้าของได้

เปลี่ยนด่วน! ความเชื่อแบบนี้ส่งผลร้ายต่อ สุนัข แมว

ใครเป็นทาส สุนัข แมว มารวมกันตรงนี้ด่วน! ก่อนที่ความเชื่อที่สืบทอดกันมาจะส่งผลร้ายต่อสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของเรา ก่อนที่จะไปดุกันว่ามีอะไรบ้าง เราอยากบอกคุณว่าการเลี้ยงสัตว์เหล่านี้จะต้องใส่ใจเขามาก ๆ โดยเฉพาะความรักถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ทำให้พวกคุณละเลย หันมาใส่ใจพวกเขาให้มากขึ้นโดยเริ่มจากตรงนี้เลย

  • เข้าใจผิดสุด ๆ ที่คิดว่าการใช้ยาม่วง (เจนเชี่ยนไวโอเลต) เป็นยาวิเศษที่สามารถรักษาได้ทุกอย่าง แน่นอนสรรพคุณของยาชนิดนี้ช่วยรักษาเชื้อราและแบคทีเรียได้ดี แต่ใช้ได้เฉพาะคนเท่านั้นกับ สุนัข แมว ไม่ควรอย่างยิ่ง ด้วยความที่ตัวยามีสีม่วงเมื่อทาลงไปยังผิวหนังหรือขนของพวกมันจะติดทนนานมาก ๆ เปลี่ยนขนสีขาวเป็นสีม่วงไปเลย ที่สำคัญเมื่อต้องไปหาหมอการตรวจเพื่อรักษาผิวหนังก็จะยากมากยิ่งขึ้น เพราะมองไม่เห็นจุดที่มีเชื้อรานั้นเอง

การรักษาที่ถูกต้อง : ควรใช้เป็นยาสำหรับ สุนัข แมว เท่านั้น

  • เมื่อ สุนัข แมว เกิดไม่สบายขึ้นมาวินิจฉัยโรคเองและซื้อมาให้ทาน เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้พวกมันอาการแย่ลง 

การรักษาที่ถูกต้อง : แน่นอนว่าคุณทำเช่นนั้นเพราะห่วงสัตว์เลี้ยง แต่ก็แอบกังวลเรืองค่าใช้จ่าย สุดท้ายเมื่ออาการทรุด คุณก็ต้องพาพวกมันไปหาหมออยู่ดี ทางที่ดีควรพามาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวิเคราะห์โรคที่ถูกต้อง

  • ทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ เป็นสิ่งที่ผิดเช่นกันและจะทำให้พวกมันหูอับชื้นมากขึ้น หากนำน้ำเกลือไปหยอดหรือเช็ด เพราะด้วยลักษณะช่องหูเป็นรูปตัว L ของเหลวหรือน้ำที่หยอดลงไปจะไม่สามารถออกมาได้นั้นเอง

การรักษาที่ถูกต้อง :  ควรใช้ยาเฉพาะช่องหูโดยเฉพาะ

  • แชมพูหรือสบู่สุนัขและแมวใช้ร่วมกับคนได้ เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างแรง แม้คุณจะบอกว่าใช้สบู่เด็กสูตรอ่อนโยนก็ไม่ควรเช่นกัน เพราะกรด ด่างไม่เท่ากัน

การรักษาที่ถูกต้อง : เลือกใช้แชมพูสำหรับสัตว์เลี้ยงดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดโรคผิวหนัง

  • โรคพิษสุนัขมีแค่สุนัขเท่านั้นตามชื่อ จริง ๆ แล้วสามารถเกิดขึ้นและสัตว์อื่นก็เป็นพาหะได้เช่นกัน อาทิ แมว กระรอก กระต่าย 
  • การรักษาที่ถูกต้อง : พาสัตว์เลี้ยงของคุณไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าประจำปีเสมอ

          บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินจากเหล่าคนเลี้ยงสัตว์มากมายพูดถึงและเข้าใจผิดกันมานานมาก แต่ไม่เป็นไรคนเราถ้าผิดแล้วแก้ไขเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ แต่เมื่อทราบแล้วยังดันทุรังทำอีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ส่งผลร้ายต่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณอย่างแน่นอน

ต้าวขนปุย 4 ขา จอมขี้เล่นตัวโปรด สุนัขพันธุ์คอลลี่

ใครที่เป็นแฟนหนังฝรั่งเรื่อง Lessie หรือ เลสชี่ หนังดังในยุค 1950 ก็คงจะประทับใจในเจ้าหมาขนปุยน่ารักเจ้าเลสชี่ สุนัขพันธุ์คอลลี่ที่เป็นตัวเอก และมักจะเป็นฮีโร่เข้ามาช่วยเหลือทิมมี่เจ้าของของมันอยู่เสมอ ไม่ว่าทิมมี่จะผจญภัยในเมืองร้างหรือโชคร้ายตกลงไปในบ่อน้ำ เลสชี่ ก็จะเข้ามาช่วยทิมมี่อยู่เสมอ บทเด่นที่สุดก็ในเรื่องนี้ก็คือเลสชี่ สุนัขพันธุ์คอลลี่เพื่อนสี่ขาตัวเก่ง ซึ่งก็ค่อนข้างจะตรงกับลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์คอลลี่ มาก ๆ เพราะสุนัขพันธุ์นี้จะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ฉลาด อ่อนโยน ขี้เล่น และเป็นพี่เลี้ยงที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็ก ๆ หากใครที่สนใจกำลังต้องการหาน้องหมามาไว้เป็นสัตว์เลี้ยง ก็ลองมาดูกันว่าสุนัขพันธุ์คอลลี่นั้นน่าสนใจอย่างไร

ลักษณะประจำสายพันธุ์ของสุนัขพันคอลลี่

สุนัขพันธุ์คอลลี่ ถือเป็นสุนัขที่มีขนาดกลาง โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 45-65 ปอนด์ และแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อย 2 สายพันธุ์ ก็คือ สุนัขพันธุ์คอลลี่สายพันธุ์ขนยาว และสายพันธุ์ขนสั้น

ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์คอลลี่

สุนัขพันธุ์คอลลี่จะเป็นมิตรและมีนิสัยดี สามารถฝึกให้เชื่องได้ง่าย แต่ก็ค่อนข้างจะมีปฏิกิริยาอ่อนไหวกับคนแปลกหน้า พวกมันจึงเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดีมาก ๆ เพราะสุนัขพันธุ์คอลลี่จะเห่าเมื่อพบคนแปลกหน้า แต่จะไม่มีลักษณะก้าวร้าว โดยปกติสุนัขพันธุ์คอลลี่จะค่อนข้างเงียบสงบ แต่ถ้าพวกมันรู้สึกเบื่อพวกมันก็อาจจะเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ

สุนัขพันธุ์คอลลี่เป็นสุนัขที่เลี้ยงง่าย พวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี สิ่งที่สำคัญสุนัขพันธุ์คอลลี่เป็นสุนัขที่ค่อนข้างจะแอคทีฟ เจ้าของควรจะนำสุนัขคอลลี่ออกกำลังกายทุกวัน อาจจะเป็นการพาวิ่งเล่นผ่อนคลายรอบบ้าน หรือให้มันวิ่งไล่เล่นนอกบ้านกับพวกเด็ก ๆ  ในอดีตสุนัขพันธุ์คอลลี่เป็นสุนัขที่ใช้ต้อนแกะ ดังนั้นพวกมันจะชอบการวิ่งไล่มากเป็นพิเศษ

การดูแลสุนัขพันธุ์คอลลี่

สุนัขพันธุ์คอลลี่ทั้งสายพันธุ์ขนสั้นและสายพันธุ์ขนยาว จะต้องการการแปรงขนเป็นประจำ และควรจะอาบน้ำเดือนละประมาณ 1 ครั้ง เจ้าของสามารถให้อาหารเม็ดแห้งแก่สุนัขพันธุ์คอลลี่ ประมาณ 2-3 ถ้วยต่อวัน และให้แบ่งเป็น 2 มื้อ

สุนัขพันธุ์คอลลี่เป็นสุนัขที่อ่อนโยน ขี้เล่น และมีสัญชาตญาณในการดูแลปกป้องเด็ก ๆ และเจ้าของให้ปลอดภัยจากอันตราย ไม่ต่างจากเลสซี่ที่คอยปกป้องจิมมี่ และสุนัขพันธุ์คอลลี่ยังไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่มากนัก ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาสุนัขสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของคุณ ก็ลองพิจารณาสุนัขคอลลี่ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เจอต้าวเพื่อนแท้สี่ขา ผู้ที่จะสร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้กับชีวิตของคุณ ที่เป็นสุนัขพันธุ์คอลลี่ก็ได้

แนะวิธีเลี้ยงสุนัขและแมวแบบมินิมอล ตอบโจทย์คนรักสัตว์

การเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวของแต่ละบ้านก็มีรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธีการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงนั้นก็ส่งผลต่อ อารมณ์ ความคิดของสัตว์เลี้ยงได้มาก วิธีการเลี้ยงจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีความเข้าใจและสบายใจได้ในทุกวัน

  1. มีการจัดสรรตารางกิจกรรมหรือตารางชีวิตของสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสม เพราะถ้าหากเราไม่ได้มีการจัดสรรเวลาต่าง ๆ ให้ดีโดยที่อัดแน่นกิจกรรมให้สุนัขมากจนเกินไป ควรที่จะมีกิจกรรมและเวลาในการพักผ่อนแบบที่พอดี เพื่อลดความเครียด ความหงุดหงิดของสัตว์เลี้ยง สร้างอารมณ์ที่เบิกบานและแจ่มใส หลาย ๆ บ้านที่เป็นกังวลว่าการที่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงไม่ทำอะไรเลยจะส่งผลเสียต่อสัตว์เลี้ยงแต่จริง ๆ แล้วการเว้นวรรค มีช่วงเวลาให้สัตว์เลี้ยงได้พักผ่อนบ้างก็เป็นประโยชน์สำหรับสัตว์เลี้ยงเช่นกัน
  1. อยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วยการเข้าใจซึ่งกันและกัน อย่างที่เราทราบดีว่าสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขนั้นจะมีความไวต่อการได้ยินเสียงประเภทต่าง ๆ ได้มากกว่ามนุษย์ ซึ่งถ้าเรามีการใช้เสียงดัง โวยวาย เปิดเพลงฟังดัง ๆ หรือดูทีวีด้วยเสียงที่ดังมากเกินไปก็สามารถรบกวนสัตว์เลี้ยงของเราได้ ดังนั้นถ้าหากไม่จำเป็นก็ควรใช้เสียงดังในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งการเปิดสื่อต่าง ๆ ก็เลือกเสียงดังพอประมาณถ้าหากว่ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณนั้น ๆ ด้วย 
  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการพาสัตว์เลี้ยงไปวิ่งในช่วงเย็นที่สวยสาธารณะหรือใกล้ ๆ บ้านเพื่อให้สัตว์ได้มีการทำกิจกรรมทางกายที่มากขึ้น สร้างความผ่อนคลายจากความเครียดมาตลอดทั้งวัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้ใช้ระยะเวลาร่วมกันจนเกิดความคุ้นเคยต่อกันได้มากขึ้น
  1. ดูแลเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยอยู่เสมอ เนื่องด้วยถ้าหากมีปัญหาเรื่องของเห็บ ไร หมัด เหาก็จะทำให้สัตว์เลี้ยงมีปัญหาเรื่องโรคต่าง ๆ ตามมาได้ การอาบน้ำ ทำความสะอาด ตัดขน หวีขนอย่างสม่ำเสมอก็จะถือเป็นวิธีช่วยที่ดี ทั้งนี้ยังรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ สิ่งต่าง ๆ ของสุนัขหรือแมวของเราด้วยที่ควรจะทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ของเล่น ผ้าคลุมตัว เป็นต้นเพราะสามารถกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้เช่นกัน

แต่ละวิธีในการดูแลสัตว์เลี้ยงตามแบบฉบับคนรักสัตว์ที่นำมาฝากกัน เชื่อว่าน่าจะถูกใจหลายคน ใครที่ถูกใจวิธีการดูแลสัตว์แบบไหนก็สามารถนำไปประยุกต์และปรับใช้ได้ตามไลฟ์สไตล์และนิสัยของสัตว์เลี้ยงแต่ละบ้าน บอกเลยว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด

แมวเก้าแต้มสายพันธุ์แมวมงคลของไทย

แมวเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์มานานแสนนานแล้ว มีหลักฐานชัดเจนว่าพบเจอซากมัมมี่ของแมวในสุสานโบราณของฟาโรห์อียิปต์อีกด้วย แมวไทยก็เช่นกัน ได้มีการค้นพบสมุดข่อยโบราณที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ที่ปรากฎมีภาพวาดของแมวเก้าแต้ม แมวสายพันธุ์ไทยโบราณ ซึ่งในสมุดข่อยระบุว่า แมวเก้าแต้มเป็นแมวที่มีลักษณะดี และสวยงามอย่างยิ่ง อีกทั้งแมวเก้าแต้มถือเป็นแมวที่ให้คุณ นำพาความสิริมงคลมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ลักษณะของแมวเก้าแต้มจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามศึกษาไปพร้อม ๆ กันเลย

สายพันธุ์แมวไทยที่ให้คุณ แมวเก้าแต้ม 

แมวเก้าแต้ม เป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวมงคล ซึ่งเป็นที่เชื่อถือกันมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า สายพันธุ์แมวมงคลนั้น จะให้คุณอนันต์ นำพาความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ โดยแมวสายพันธุ์มงคลเหล่านี้ ได้แก่สายพันธุ์ เก้าแต้ม วิเชียรมาศ การเวก วิลาศ โกนจา นิลจักร เป็นต้น แมวสายพันธุ์มงคลเหล่านี้เป็นแมวไทยโบราณ บางสายพันธุ์ก็สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่สำหรับแมวเก้าแต้มนั้น ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าเป็นแมวที่นำโชคลาภมาให้กับผู้เลี้ยง

แมวเก้าแต้มนั้นเป็นแมวไทยที่มีลักษณะดี เป็นแมว 9 ชีวิต จึงให้สิริมงคลสูง ผู้ที่เลี้ยงดูหรือเจ้าของแมวเก้าแต้มจะพบกับความสุขความเจริญ และความก้าวหน้า ไม่ว่าทำการงานสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ ดังบทเช่นในบทนิพนธ์ ที่กล่าวถึงแมวเก้าแต้มเอาไว้ว่า

สลับดวงคอโสตรัตต้น ขาหลัง

สองไหล่กำหนดทั้ง บาทหน้า

มีโลมดำบดบัง ปลายบาท สองแฮ

เก้าแห่งดำดุจม้า ผ่าพื้นขาวเสมอ

คนสมัยก่อนโดยเฉพาะในหมู่ขุนน้ำขุนนาง จะนิยมเลี้ยงแมวเก้าแต้มเอาไว้ เพราะเชื่อว่าแมวสายพันธุ์นี้จะส่งเสริมด้านการค้าขายทำให้กิจการรุ่งเรืองร่ำรวย ในราชสำนักเองก็นิยมเลี้ยงแมวเก้าแต้มไว้เช่นกัน เพราะถือว่าจะนำมาซึ่งลาภยศศักดินาต่างๆ ปัจจุบันแมวเก้าแต้มค่อนข้างจะหายาก ต้องสอบถามที่ฟาร์มซึ่งเพาะเลี้ยงแมวเก้าแต้มโดยเฉพาะจริง ๆ

ลักษณะของแมวเก้าแต้ม

แมวเก้าแต้ม จะเป็นแมวพันธุ์ไทยขนสีขาวสะอาด ตามลำตัวจะปรากฏหย่อมขนสีดำ หรือสีน้ำตาลเข้มขึ้นแต้มรวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ได้แก่ แต้มขนบริเวณคอ หัว โคนขาหลังและโคนขาหน้าทั้ง 4 ข้าง แผ่นหลัง โคนหาง และบริเวณไหล่ทั้งสอง โดยลักษณะขนแต้มสีดำหรือสีน้ำตาลนี้ อาจจะพบได้เป็นทรงกลม หรือเป็นปื้นออกเหลี่ยมก็ได้ ปลายหางของแมวเก้าแต้มจะสีขาว ซึ่งลักษณะเช่นนี้เอง จึงเป็นที่มาของคำว่า แมวเก้าแต้ม ส่วนลักษณะของขนนั้น แมวเก้าแต้มจะมีขนปกคลุมทั้งตัวเหมือนกับแมวชนิดอื่น แต่จะเป็นขนจะสั้น ๆ ตลอดทั้งลำตัว 

 หากใครสนใจที่จะมีสัตว์เลี้ยงเพื่อเสริมสร้างสิริมงคลและโชควาสนาวาสนา ก็ลองพิจารณาเลือกแมวเก้าแต้มเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก ไม่แน่ว่าโชคลาภอาจจะมาถึงคุณโดยไม่คาดฝันก็ได้

วิธีสอนสุนัขหยุดกระโจนใส่คน

สุนัขหลายตัวมีพฤติกรรมกระโจนใส่คนแล้วใช้อุ้งเท้าวางบนตัว หนังสือบางเล่มบอกว่าเป็นพฤติกรรมทักทายด้วยความดีใจ แต่บางเล่นก็ว่าเป็นการข่มแสดงความเหนือกว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หลาย ๆ คนรู้สึกว่าการกระโดดทักทาย โดยเฉพาะเมื่อสุนัขตัวเปียกหรือสกปรกจะทิ้งรอยอุ้งเท้าเปื้อน ๆ ไว้บนเสื้อผ้า ยิ่งเป็นสุนัขตัวโตด้วยแล้วถูกกระแทกแรง ๆ ทำให้เด็กหรือคนสูงอายุหกล้มเป็นอันตรายมาก 

บ้านไหนมีปัญหาสุนัขชอบกระโจนใส่สมาชิกในครอบครัว แขกที่มาเยือน หรือแม้แต่คนแปลกหน้า กำลังมองหาวิธีแก้นิสัยกระโจน ควรทำอย่างไรดีมาอ่านคำตอบกัน

1.เริ่มฝึกเมื่อสุนัขเริ่มกระโจนใส่คน การผลักตัวสุนัขออกไปมักจะไม่สำเร็จ เพราะสุนัขมักจะคิดว่าเป็นเกมและเล่นมวยปล้ำทำให้กระโจนแรงและตะกุยตะกายหนักขึ้น ต้องสอนวิธีการทักทายอย่างสุภาพทันทีเพื่อไม่ให้กระโดดใส่ใครอีกในภายหลัง

2.วิธีฝึกพฤติกรรมการทักทายด้วยการนั่ง ทำให้อุ้งเท้าทั้งสี่ข้างอยู่บนพื้น หรือจะฝึกให้นอนราบก็ได้ เมื่อมีคนกลับมาที่บ้าน การสั่งให้นั่งหรือนอนเป็นประจำทำให้สุนัขเข้าใจและเลิกกระโจนใส่คนอีก การฝึกให้นั่งค่อนข้างง่าย โดยใช้สายจูงและขนมเป็นอุปกรณ์ตัวช่วย เริ่มด้วยการถือสายสูงสั้น ๆ สั่งให้ “นั่ง” ดึงสายจูงขึ้นพร้อมกับใช้มือกดบั้นท้ายของสุนัขให้นั่งลง ปล่อยให้นั่งอยู่สักพัก หากสุนัขขยับจะลุกให้ใช้คำสั่งเดิมเพื่อให้สุนัขลงไปนั่งตามเดิม จากนั้นค่อยให้ขนมเป็นรางวัล ฝึกบ่อยๆ ก็จะเข้าใจและนั่งตามคำสั่งได้

3.ฝึกการทักทายเมื่อมีคนเดินเข้าบ้าน อีกวิธีหนึ่งเป็นการเบนความสนใจสุนัข โดยถือสายจูงสุนัขไว้ ให้คนเปิดประตูบ้านเดินเข้ามา ก่อนที่คนจะเดินมาถึงตัวสุนัข ให้โยนขนมของโปรดหลายชิ้นลงบนพื้นทำให้สุนัขสนใจและกินขนมบนพื้นก่อน จากนั้นค่อยให้คนเดินเข้ามาใกล้ ๆ พอสุนัขกินเสร็จแล้ว ให้คนเดินออกประตูไป ทำซ้ำๆ หลายครั้ง หลังจากนั้นเปลี่ยนวิธีฝึก ให้สุนัขนั่งลงก่อน เมื่อคนเปิดประตูเดินเข้ามาให้เจ้าของสุนัขโยนขนมลงบนพื้นตลอดเวลา ทำซ้ำหลายครั้ง สุนัขจะเริ่มเข้าใจและยอมนั่งนิ่งบนพื้นเมื่อมีคนเดินเข้าบ้านให้เจ้าของวางขนมชิ้นแรก การฝึกวิธีนี้ถ้าสุนัขกินขนมยังไม่หมดแต่เริ่มกระโจนใส่คนแล้วถือว่าล้มเหลวต้องหยุดทันที แล้วค่อยเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่แรก

4.ฝึกสุนัขนั่งห่างจากประตูก่อน เสียงกดกริ่งประตูหรือแตรรถหน้าบ้านอาจกระตุ้นให้สุนัขตื่นตัวและเตรียมพร้อมกระโดดใส่คนที่เดินเข้ามาในบ้าน การฝึกในช่วงแรกต้องให้สุนัขอยู่ห่างจากประตู โดยเจ้าของถือเชือกไว้หรือผูกไว้กับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านห่างออกไป 2-3 เมตรหรือมากกว่า ทำให้สุนัขใจเย็นลงได้ ให้สมาชิกให้ครอบครัวมาช่วยฝึกโดยเปิดประตูบ้านแล้วค่อยๆ เดินเข้าใกล้ ถ้าสุนัขยังนิ่งอยู่ค่อยๆ ลูบคลำตัวทักทาย แต่ถ้าสุนัขขยับลุกขึ้นให้คนช่วยฝึกรีบลุกหันหลังเดินออกไปทันที ทำซ้ำต่อไปจนกว่าสุนัขจะเข้าใจว่าวิธีการรับแขกต้องนั่งนิ่งๆ เท่านั้น

จำไว้ว่าช่วงแรกต้องขยันฝึกบ่อย ๆ ยิ่งฝึกมากก็จะยิ่งง่ายขึ้น อย่าลืมให้ของรางวัลเมื่อสุนัขทำตามอย่างถูกต้อง

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ข้อดีของการเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้นมีคนที่เป็นทาสหมาทาสแมวรวมกลุ่มกันจำนวนมากในเฟซบุ๊ก เนื่องจากทั้งสุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก มีหลายพันธุ์ให้เลือก และส่วนใหญ่ก็ชอบคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดคน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน เรามาดูกันว่าจะมีข้อดีอะไรบ้าง

1. ถูกใจคนทั้งบ้าน

หากในบ้านของเรามีทั้งคนที่ชอบเลี้ยงหมาและแมว ก็สามารถเลี้ยงทั้งสองชนิดได้ เพียงแต่ต้องเลือกสายพันธุ์และเลี้ยงคู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์หรือโกลเด้นที่มีความคิดเล่น ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เป็นสุนัขจอมซน หรือสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิวาวา ปอมปอม ฯลฯ ส่วนแมวก็ควรจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซีย สก๊อตติช ฯลฯ เพื่อลดโอกาสในการกัดกัน เพียงเท่านี้ในบ้านคุณ ก็จะมีสัตว์เลี้ยงที่ถูกใจทุกคนแล้ว

2. ทำให้เรียนรู้ธรรมชาติ

การเรียนรู้ด้านความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากคนเราที่มีอุปนิสัยต่างกันแล้ว การที่เราเลี้ยงดูสุนัขและแมวอยู่ด้วยกัน จะทำให้เราเห็นถึงธรรมชาติของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ด้วย ว่ามีอุปนิสัยตามสายพันธุ์ต่างกันอย่างไร จะทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นคนช่างสังเกตและประนีประนอมมากขึ้นด้วย หากในบ้านคุณมีเด็กเล็ก เขาจะซึมซับการเรียนรู้อุปนิสัยของสัตว์แต่ละชนิด ทำให้มีส่วนเสริมให้เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์สูงได้ด้วย

3. ทำคลิปสร้างรายได้เสียเลย

หากสุนัขและแมวไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยกัน ก็มักจะกัดกัน การเลี้ยงคู่กันจึงดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ คนจำนวนมากจึงอยากรู้ว่าสุนัขและแมวนั้นอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หากคุณสามารถเลี้ยงสุนัขและแมวอยู่ร่วมกันได้และจัดสรรพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถที่จะอัดคลิปลง YouTube ให้คนเห็นแง่มุมความน่ารักของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้จริง ๆ มีความน่ารักน่าเอ็นดูตามธรรมชาติ จะนำมาซึ่งรายได้จากผู้ติดตามหรือการฝากโฆษณาสินค้า เช่น อาหาร เสื้อผ้าสำหรับสุนัขและแมวได้อีกด้วย

4. ทำให้ได้ความรู้ทางสัตววิทยาเพิ่มขึ้น

เมื่อสุนัขและแมวเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมา เช่น ยาชนิดใดใช้ได้กับสุนัขหรือแมวบ้าง ต้องฉีดวัคซีนที่อายุเท่าใดบ้าง หรือ แม้แต่เรื่องธรรมดา เช่นอาหารใดเหมาะกับสุนัขและแมว ฯลฯ เหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องการผู้รู้มาตอบในกลุ่มเฟซบุ๊กมากมาย หากคุณเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 ประเภทนี้ ก็เท่ากับเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ด้านโรค ยาและโภชนาการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิด และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับคนรักหมาแมวด้วย ถือเป็นวิทยาทานกับผู้อื่นได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสุนัขและแมวร่วมกันนั้น แม้อาจจะดูน่าปวดหัว ยุ่งยาก แต่หากเริ่มต้นด้วยความชอบหรือความสงสารสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง นำมาเลี้ยงด้วยความรักและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติม คุณจะได้โอกาสในการพัฒนาตัวเองและสร้างประโยชน์ในวงกว้างต่อไปด้วย

รวม 3 เคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้

ทริคฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกัน

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าน้องหมาและน้องแมวนั้นเปรียบเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเจอหน้ากันที่ไรเป็นต้องแยกเขี้ยวใส่กันทุกครั้งไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะเป็นเจ้านายหมาหรือ ทาสแมว อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตัดปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนรักสัตว์ไม่น้อยที่ตัดสินใจเลี้ยงน้องหมาน้องแมวไว้ด้วยกัน ซึ่งถ้าเริ่มเลี้ยงตั้งแต่พวกเค้าเป็นเด็กก็อาจจะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนที่เพิ่มรับน้องหมาน้องแมวมาเลี้ยงตอนที่โตแล้ว บอกเลยว่าทาสต้องเหนื่อยใจทำหน้าที่เป็นกรรมการคอยห้ามทัพไม่ให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองทะเลาะกันจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผู้เลี้ยงสุนัข แมว จัดการปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น วันนี้เรามี 3 เคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกันได้มาฝาก แต่จะมีเคล็ดลับไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย

ทริคฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกัน

พยายามขังแยกไว้ก่อน : เมื่อตัดสินใจจะนำสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้าน ในช่วงแรกทั้งสองอาจมีความตื่นเต้นเห่าขู่กันตามสัญชาตญาณ ก่อนอื่นเลยแนะนำว่าให้จับขังกรงแยกไว้ก่อน โดยจะจับใส่กรงทั้งสองตัวหรือจับตัวใหม่ใส่กรงไว้ก่อนก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งตัวเก่าตัวใหม่ตกใจจนวิ่งหนีหายเตลิดแล้ว ยังเป็นการช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้ปรับตัวได้เร็วขึ้น

เริ่มต้นด้วยการให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันผ่านลูกกรง : หลังจากสัตว์เลี้ยงเริ่มมีสัญญาณสงบลงไม่ขู่ไม่เห่าเหมือนในช่วงแรก ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทำความรู้จักกับเพื่อนต่างสปีชีส์แล้ว ให้เจ้าของเริ่มลองให้สัตว์เลี้ยงได้เผชิญหน้าและสัมผัสกันผ่านลูกกรง โดยมีเจ้าของคอยปลอบเจ้าสัตว์เลี้ยงอยู่ข้าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสองตัวเกิดความเครียด เมื่อดูแล้วว่าทั้งสองเริ่มเข้าได้จึงค่อยปล่อยออกมาทำความรู้จักกันแบบจริง ๆ จัง ๆ

เสริมความคุ้นเคยด้วยผ้าของอีกฝ่าย : การให้น้องหมาน้องแมวดมกลิ่นของอีกฝ่ายจะเป็นการช่วยเพิ่มคุ้นชินให้กับสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว ซึ่งวิธีการนั้นก็ง่าย ๆ แค่เจ้าของลูบตัวน้องหมาให้มีกลิ่นติดมือไปสัมผัสตัวน้องแมว จากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนไปลูบน้องแมวไปจับตัวน้องหมา หรืออาจจะสลับผ้าห่ม ข้าวของเครื่องใช้กันไปมา เพียงเท่านี้ก็ทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกเป็นพวกเดียวกันได้ง่ายขึ้น

รวม 3 เคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับเคล็ดลับฝึกสุนัขกับแมวให้อยู่ด้วยกันที่เรานำมาฝาก แต่อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจรับสมาชิกใหม่เข้ามาเลี้ยงเพิ่ม ควรพิจารณานิสัยและพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงตัวเดิมก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะน้องหมาส่วนใหญ่มักจะมีสัญชาตญาณนักล่า ถ้ามีนิสัยดุร้ายหรือชอบกัดสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าก็อาจต้องชะลอแผนการที่จะเลี้ยงสัตว์ทั้งสองชนิดไว้รวมกัน เพื่อความปลอดภัยของน้องแมวและเจ้าของเอง ส่วนน้องแมวถ้ามีนิสัยหยิ่ง ติดเจ้าของ และขี้น้อยใจ แนะนำว่าไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงอื่นเข้ามาในบ้าน เนื่องจากจะทำให้น้องแมวเครียดน้อยใจจนไม่ยอมกินข้าวหรือหนีหายออกจากบ้านไปได้